จากไชต์: สำนักสื่อสารองค์กร สำนักงาน ป.ป.ช.
จำนวนผู้เข้าชม: 46
รวมใจต้านโกง วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย)
วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day) ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต พ.ศ. 2546 (United Nations Convention Against Corruption – UNCAC , 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2546 จากนั้นประเทศภาคีเครือข่ายสหประชาชาติจำนวน 191 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาฯ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ธันวาคม 2546 ณ เมืองเมอริด้า ประเทศเม็กซิโก ด้วยเหตุนี้ องค์การสหประชาชาติ จึงประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล
ในปี 2566 วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ตรงกับวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2566 สำนักสื่อสารองค์กร สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับมอบหมายให้จัดงานในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 ณ ฮอลล์ 4 อาคารศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน “Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” ธีมของงานในปีนี้ คือ BREAK THE CORRUPTION “ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย รวมไทยต้านโกง” ขณะเดียวกันในส่วนภูมิภาค มีการจัดประชุมร่วมกับกรมการจังหวัด และกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง ๆ และตีแผ่ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และเพื่อร่วมกันแสดงพลังของรวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนความซื่อสัตย์สุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่าการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประกาศเจตจำนงของผู้นำประเทศและผู้นำทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขและปราบปรามการทุจริต ผสานพลังคนไทยทุกภาคส่วนให้ตื่นรู้พร้อมต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ เพื่อให้สังคมไทยมีวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ตลอดจนเพื่อให้คนไทย และนานาชาติรับรู้ถึงความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เพื่อผลักดันการยกระดับดัชนีการรับรู้ การทุจริต (ค่า CPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประกาศเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริต ภายในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ได้กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทยเป็นปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมมานาน ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นในมุมมองของนานาชาติ โดยจากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ให้ข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันว่า ต้องให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพทางสังคม เพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบการทุจริต ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอิสระให้กับหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล รวมถึงการรับมือกับปัญหาการทุจริตข้ามชาติ ทั้งในเรื่องช่องว่างของกฎหมาย เพื่อสามารถนำ ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และรับมือกับปัญหา การเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะฟื้นคืนความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของการบริหารงานราชการทุกระดับ ซึ่งการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัย ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม โดยแนวทางที่สำคัญ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนค่านิยมในสังคม สังคมไทยจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงค่านิยมบางประการที่เอื้อต่อการทุจริต เช่น การให้สินบนเพื่อแลกกับผลประโยชน์ การปรับปรุงระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในการปราบปรามการทุจริตจำเป็นต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้อย่างเป็นรูปธรรม การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของการต่อต้านการทุจริต และควรกล้าที่จะออกมามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต เช่น การแจ้งเบาะแสการทุจริต เป็นต้น”
นายภูมิธรรมฯ ยังกล่าวอีกว่า การต่อต้านการทุจริต เป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อสร้างสังคมไทยที่ปราศจากการทุจริต และที่ผ่านมาได้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
นับจากนี้ทิศทางการขับเคลื่อนประเทศภายใต้การนำของรัฐบาลจะยึดหลักนิติธรรม เพื่อให้ปัญหาการทุจริตของไทยลดน้อยลง และมีความโปร่งใส เป็นธรรมและตรวจสอบได้มากขึ้น
- โดยให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพทางสังคมเพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบการทุจริต โดยสร้างความโปร่งใสในระบบการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้จ่ายงบประมาณ ของภาครัฐเพื่อป้องกันการทุจริต และมีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้าร่วมตรวจสอบได้ตามแนวทาง Open Government
- การสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอิสระให้กับหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล
- การพัฒนาและส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเพื่อใช้ในขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ของภาครัฐ ทั้งการอนุมัติ อนุญาต เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความโปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งลดการเรียกรับสินบน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการจากภาครัฐด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความมั่นใจในการมาทำธุรกิจในประเทศไทยด้วย
- การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำความผิดให้เป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- รวมถึงการสื่อสารถึงผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการทุจริตที่จริงจังเป็นรูปธรรมของประเทศไทยไปให้ถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นานาชาติเกิดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเรื่อง การป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทย
หลังจากนั้นเป็นการประกาศเจตจำนงเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลว่า
“ข้าพเจ้า ขอประกาศเจตจำนงว่าจะประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสาพร้อมทำความดีด้วยหัวใจ”
.........................................................................................
“ซื่อสัตย์ เป็นธรรม มืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้”