จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์
จำนวนผู้เข้าชม: 22
วันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. นางสาวนุชจรินทร์ อินประถม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน การประชุมการบริหารงานและนโยบายเสริมสร้างมาตรฐานทางจริยธรรม ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยข้าราชการและลูกจ้าง ทุกภารกิจ เพื่อมอบนโยบายและติดตามรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามภารกิจ ดังนี้
เรื่องอื่นๆ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ มีการรับสมัครลูกจ้างตำแหน่งพนักงานธุรการแทนตำแหน่งว่าง เริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 19 - 27 ธันวาคม 2567 โดยมีคำสั่งมอบหมายงานเสร็จสิ้น เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 และขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่
ในการนี้ ขอให้ทุกภารกิจมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นางสาวนุชจรินทร์ อินประถม ผู้อำนวยการฯ ได้แจ้งให้ทุกคนปฏิบัติ เรื่องการยืมทรัพย์สินของทางราชการ ให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ และให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรับผิดชอบต่อหน้าที่และปฏิบัติตนตามมาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ดำรงตนตามหลักประมวลจริยธรรมอย่างเคร่งครัด วางตัวเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติกับบุคคลภายในสำนักงาน และไม่เลือกปฏิบัติจากผู้มาติดต่อราชการ ตามค่านิยมหลักของสำนักงาน ป.ป.ช. 5 ประการ และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2563
ผู้อำนวยการฯ ได้ชี้แจงและเน้นย้ำ ในประเด็นการปฏิเสธการรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) การไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช. ตามมาตรา 128 เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต
มาตรา 128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
ซึ่งเป็นบทบัญญัติห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เพื่อไม่ให้การรับทรัพย์สินดังกล่าวจากบุคคลในโอกาสต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งยังห้ามพนักงานของรัฐทุกตำแหน่ง และผู้ที่พ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐมาแล้วยังไม่ถึง 2 ปี ห้ามรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ หมายถึง สิ่งที่มีมูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกันถึงแม้จะมีข้อห้าม แต่ก็มีข้อยกเว้น ซึ่งเจ้าพนักงานของรัฐสามาถรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ได้ในกรณีดังนี้
(1) เป็นการรับที่มีกฎหมายอนุญาตให้รับได้ เช่น เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เบี้ยเลี้ยงไปราชการ เงินปันผลสหกรณ์
(2) เป็นการรับจากบุพาการี ผู้สืบสันดาน หรือญาติ โดยจะต้องเป็นการให้ตามประเพณี หรือตามธรรมจรรยาตามฐานะของผู้ให้
(3) การรับโดยธรรมจรรยา คือ การับจากบุคคลที่ให้กันในโอกาสเทศกาลหรือวันสำคัญ รวมถึงการแสดงความยินดี การแสดงความขอบคุณ การต้อนรับ การแสดงความเสียใจ หรือการให้ตามมารยาทที่ถือปฏิบัติในสังคม ซึ่งสามารถแบ่งตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
3.1 เป็นการรับจากการให้แก่บุคคลทั่วไป โดยไม่เจาะจงผู้รับ เช่น การจับสลาก
3.2 เป็นการรับจากผู้ซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท หากมีการรับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท โดยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับไว้เพื่อเป็นการรักษาไมตรีมิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดี จะต้องดำเนินการแจ้งรายละเอียดภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับทรัพย์สินต่อผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนแล้วแต่กรณีเพื่อพิจารณา หากมีคำวินิจฉัยว่าให้ส่งคืนทรัพย์สิน ต้องส่งคืนโดยทันที หรือหากไม่สามารถคืนได้ ให้ส่งมอบเป็นสิทธิของหน่วยงานโดยเร็ว
เพื่อยกระดับค่าคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ITA ในการดำเนินงานของ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567
ในการนี้ เนื่องด้วยใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว ในการปฏิบัติตนของข้าราชการและลูกจ้าง พึงหลีกเลี่ยงการรับของขวัญ ของกำนัล และของฝากจากผู้มาติดต่อ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ และในทุกเทศกาล (No Gift Policy) ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อปฏิบัติงานได้บรรลุผล ต่อไป