Contrast
9e8f47f078e95a9b168b6e7d772727e0.jpg

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 2 เรื่อง

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุทัยธานี
จำนวนผู้เข้าชม: 1236

06/01/2568

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำนวน 2 เรื่อง

วันนี้ (3 มกราคม 2568) นางภัทริยา เมฆวณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุทัยธานี ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุทัยธานี แถลงข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
ชี้มูลความผิดเรื่องที่มอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจังหวัดอุทัยธานี  ดำเนินการจำนวน 2 เรื่อง ดังนี้

          เรื่องที่ 1  คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวน
กรณีกล่าวหา นายวิรัช  เล่ายี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล
ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ในพื้นที่หมู่ที่ 1 - 7
ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 โดยมิชอบ

                   ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า  นายวิรัช  เล่ายี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้ดุลพินิจมิชอบให้ดำเนินการจัดจ้างโครงการขุดเจาะบ่อบาดาล จำนวน 38 บ่อ เป็นเงินงบประมาณ 4,287,890 บาท โดยวิธีตกลงราคา ทั้งที่เจ้าหน้าที่พัสดุ
ได้เสนอทบทวนคำสั่งแล้วและเสนอให้จัดจ้างโดยใช้วิธีประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Auction) เนื่องจากมีวงเงินงบประมาณเกินหนึ่งล้านบาท แต่นายวิรัช  เล่ายี ยังยืนยันมีความเห็นให้ใช้วิธี
ตกลงราคา ทั้ง 2 ครั้ง โดยอ้างว่าเพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือประชาชนและอ้างประกาศภัยแล้งของจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ให้ขยายเวลาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งออกไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ทั้งที่ขณะนั้นระยะเวลาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยมีเจตนาเพื่อเข้าไปมีส่วนได้เสียในโครงการ ด้วยการเป็นผู้ติดต่อหาผู้รับจ้างมาเอง จำนวน 2 กลุ่ม จำนวนทั้งหมด 8 ราย รวมทำสัญญาจ้าง 12 สัญญา และปรากฏว่าผู้รับจ้าง
แต่ละกลุ่มเป็นเครือญาติเดียวกัน ไม่มีอาชีพโดยตรงเกี่ยวกับการขุดเจาะบ่อบาดาล จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

          การกระทำของนายวิรัช  เล่ายี มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่
ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด
ในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิด
ฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ของประชาชน ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 

          ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายวิรัช  เล่ายี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ ต่อไป  ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ 

ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ล้อม ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง

 

เรื่องที่ 2 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวน
กรณีกล่าวหา ว่าที่ร้อยตรี สมนึก คงทรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำอุตรดิตถ์ สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งนักวิชาการประมง ของศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำอุตรดิตถ์ โดยมิชอบ

                   ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า  ว่าที่ร้อยตรี สมนึก  คงทรัตน์ ได้รับคำสั่งที่ 337/2561 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2561 แต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการทั่วไป และได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการออกข้อสอบ ตรวจกระดาษคำตอบและให้คะแนน และเป็นเจ้าหน้าที่
สอบสัมภาษณ์ โดยมีหน้าที่ดำเนินการสรรหาพนักงานราชการทั่วไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด
ในประกาศรับสมัคร ควบคุมดูแลการดำเนินการให้ให้ได้มาตรฐาน มีความยุติธรรมและโปร่งใส แต่ได้อาศัยอำนาจหน้าที่ในการทำเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ปลอมแบบทดสอบและแก้ไขคะแนนสอบ เพื่อให้ผู้เข้าสอบบางรายได้คะแนนมากขึ้น ไม่ถูกต้องตรงกับคะแนนจริงที่ผู้เข้าสอบควรจะได้รับ เพื่อช่วยเหลือบุคคลสนิทให้สอบผ่านเกณฑ์ และได้รับการสรรหาเป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งนักวิชาการประมงของศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำอุตรดิตถ์ เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย และบุคคลที่สมัครสอบได้รับความเสียหาย

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

                   การกระทำของว่าที่ร้อยตรี สมนึก  คงทรัตน์ มีความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด
ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) (4)

                   มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาอันเป็นเหตุให้เสียหาย
แก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย
อย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) มาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)

                   ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ ว่าที่ร้อยตรี สมนึก คงทรัตน์ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

Related