คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 103 / 2562 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 อนุมัติแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (ไตรมาสที่1-2) โครงการ STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต พร้อมอนุมัติงบประมาณดำเนินการวงเงินงบประมาณรวม 18,000,000 บาท (สิบแปดล้านบาทถ้วน) ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียด (เอกสารแนบ 1) ดังนี้
(1) สำนักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต (สสร.) จำนวน.4,555,900.บาท (สี่ล้านห้าแสนห้าหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน)
(2) สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-9 (สปภ.) หน่วยละ 291,300 บาท (สองแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันสามร้อยบาทถ้วน) รวมงบประมาณทั้งสิ้น 2,621,700 บาท (สองล้านหกแสนสองหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
(3) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด (สปจ.) ทั้ง 76 จังหวัด หน่วยละ 142,400 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นสองพันสี่ร้อยบาทถ้วน) รวมงบประมาณทั้งสิ้น 10,822,400 บาท (สิบล้านแปดแสนสองหมื่นสองพันสี่ร้อยบาทถ้วน)
งบประมาณตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 103 / 2562 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 อนุมัติแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (ไตรมาสที่1-2) โครงการ STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต พร้อมอนุมัติงบประมาณดำเนินการวงเงินงบประมาณรวม 18,000,000 บาท (สิบแปดล้านบาทถ้วน) นั้น เป็นการจัดสรรงบประมาณไปพลางก่อนในช่วงระยะเวลาไตรมาสที่ 1-2 ระหว่างรอการพิจารณาจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นรัฐสภา ซึ่ง สสร. ได้เสนอตั้งกรอบคำของบประมาณโครงการฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ วงเงินงบประมาณรวม 37,649,500 บาท (สามสิบเจ็ดล้านหกแสนสี่หมื่นเก้าพันห้าร้อยบาทถ้วน) ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้
(1) สำนักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต จำนวน.6,287,900.บาท (หกล้านสองแสนแปดหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยบาทถ้วน).
(2) สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-9 หน่วยละ 478,400 บาท (สี่แสนเจ็ดหมื่นแปดพันสี่ร้อยบาทถ้วน) รวมงบประมาณทั้งสิ้น 4,305,600 บาท (สี่ล้านสามแสนห้าพันหกร้อยบาทถ้วน)
(3) สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด หน่วยละ 356,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) รวมงบประมาณทั้งสิ้น 27,056,000 บาท (ยี่สิบเจ็ดล้านห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน)
เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม คุ้มค่ากับงบประมาณ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปพลางก่อนในช่วงระยะเวลาไตรมาสที่ 1-2 สสร. จึงเห็นสมควรเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาเห็นชอบแนวทางการดำเนินการโครงการฯ ซึ่งเลขาธิการฯ ได้เห็นชอบในแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
(1) การบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการซึ่งเป็นอำนาจของเลขาธิการฯ รองเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯภาค ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดแล้วแต่กรณี โดยอาจอ้างอิงแนวทางการกำหนดจาก
(1.1) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(1.2) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(1.3) มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระเบียบและคำสั่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
(2) เนื่องจากการดำเนินการโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นการดำเนินการบนข้อจำกัดด้านงบประมาณซึ่งได้รับการจัดสรรในภาพรวมเพียงร้อยละ 47.81 จากกรอบคำของบประมาณของโครงการฯ ทั้งหมด ดังนั้นในการดำเนินโครงการฯ จึงเห็นควรมุ่งเน้นการดำเนินการให้เป็นไปตามตัวชี้วัดของผลผลิต/ผลลัพธ์การดำเนินโครงการฯ ตามแบบ นย.1 ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ตามนโยบายของประธานกรรมการ ป.ป.ช. และฝ่ายบริหาร โดยอาศัยอำนาจในการบริหารโครงการฯ ตามระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งเป็นอำนาจของเลขาธิการฯ รองเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ภาค ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดแล้วแต่กรณี ในการปรับเปลี่ยนขั้นตอนและวิธีการดำเนินการให้เหมาะสมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย โดยไม่กระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามผลผลิต/ผลลัพธ์การดำเนินโครงการฯ ตามแบบ นย.1 ที่ สสร. กำหนดไว้ในการเสนอตั้งคำของบประมาณ
(3) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการฯ สสร. ในฐานะหน่วยงานกำกับติดตาม ประเมินผล และบริหารโครงการฯ ในภาพรวม จึงกำหนดให้ สสร. ดำเนินการและและขอความร่วมมือจาก สปจ. ในการดำเนินกิจกรรม A1 การสำรวจพื้นที่/กรณีที่ผิดกฎหมายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (COI) และพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (COI) และนำข้อมูลภาคสนามมาสู่ชมรมเพื่อกำหนดแผนการดำเนินการและเฝ้าระวัง ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายจังหวัดละไม่น้อยกว่า 3 อำเภอ (อำเภอเมือง และอำเภออื่นๆ ไม่น้อยกว่า 2 อำเภอ)..ให้มีการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้มากกว่า.1.ครั้ง/จังหวัด(รวมกรุงเทพมหานคร) ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ รายละเอียดอื่นให้คงเป็นไปตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (ไตรมาสที่1-2) ของโครงการฯ ที่ได้รับการอนุมัติไว้ โดย สสร. และ สปจ. สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนขั้นตอนและวิธีการดำเนินการให้เหมาะสมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย โดยไม่กระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามผลผลิต/ผลลัพธ์การดำเนินโครงการฯ ตามแบบ นย.1 ที่ สสร. กำหนดไว้ในการเสนอตั้งคำของบประมาณ โดยอาศัยอำนาจในการบริหารโครงการฯ ตามระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งเป็นอำนาจของเลขาธิการฯ รองเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ภาค ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดแล้วแต่กรณี
(4) เพื่อให้การดำเนินการโครงการฯ บรรลุเป้าหมายทั้งในมิติเป้าหมายตามผลผลิต/ผลลัพธ์ และผลสัมฤทธิ์ในการเบิกจ่ายงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้และได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ขอความร่วมมือให้ สสร. สปภ. และ สปจ. ดำเนินการปรับแผนปฏิบัติการและแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามแนวทางที่สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กำหนด โดยมุ่งเน้นให้มีการดำเนินขยายผลลัพธ์ของโครงการฯในการเฝ้าระวังการทุจริตในพื้นที่อย่างต่อเนื่องร่วมกับชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจนเสร็จสิ้นปีงบประมาณหรือจนกว่าจะสามารถเร่งรัดให้มีผลสัมฤทธิ์ในการเบิกจ่ายงบประมาณได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 จากงบประมาณทั้งหมดที่ได้รับจัดสรรตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.