Contrast
ed1d93168440dea714e56cb6d4e95913.jpg

สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดประชุมหารือประเด็นกรณีมีการบุกรุก และลักลอบขุดดินพื้นที่บริเวณตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ ศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าแก่งกระจาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7
จำนวนผู้เข้าชม: 17

06/08/2568

     เมื่อวันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดประชุมหารือประเด็นกรณีมีการบุกรุก และลักลอบขุดดินพื้นที่บริเวณตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ ศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าแก่งกระจาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายจักรกฤช ตันเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 7 เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วยนางสาวจุฑารัตน์ เหลืองเพิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารคดีภาค 7 กลุ่มงานสืบสวนคดีทุจริตภาค 7 กลุ่มประสานการป้องกันการทุจริตภาค 7 และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

     ตามที่ปรากฏข่าวในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการบุกรุกและลักลอบขุดดินในพื้นที่ของหน่วยงานรัฐ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกป่าบริเวณ “สวนมะม่วง” ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าวพบว่า มีการบุุกรุก และขุดดินทำให้สภาพพื้นที่ดินเปลี่ยนแปลงลักษณะเปิดเป็นวงกว้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พบการบุกรุก เนื้อที่ประมาณ 3,952 ไร่0 งาน 77 ตารางวา แบ่งเป็นสองส่วนหลักคือ

   - พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบการบุกรุกรวม 1,392 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา ซึ่งประกอบด้วยแปลง นส.3 ก. ถึง 25 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 1,143 ไร่ นอกจากนี้ยังมีแปลง มาตรา 64 และพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ถูกบุกรุกอีกจำนวนมาก

   - พื้นที่ในเขตที่ราชพัสดุ (ปข.605) พบการบุกรุกรวม 2,728 ไร่ 3 งาน 16 ตารางวา โดยเป็นที่ดิน นส.3ก ถึง 39 แปลง เนื้อที่กว่า 2,016 ไร่ และยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้ซ้อนทับเอกสารสิทธิอีก 712 ไร่

     จากข้อมูลข่าวข้างต้น สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ สำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ที่ทำการอำเภอหัวหิน องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลับ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 สถานีตำรวจภูธรบ้านหนองพลับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสื่อมวลชน เมื่อวันที่  5 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม ศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าแก่งกระจาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ในการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงและแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าว และเป็นไปตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 32 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เสนอมาตรการต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบมาตรการและมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผลการประชุมสรุปได้ดังนี้

  1. กรณีการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และที่ราชพัสดุที่กองทัพบกได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองพลับ ขณะเดียวกันกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องดังกล่าวเพื่อดำเนินการด้วยเช่นกัน และหากพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช.ในการสืบสวนเพื่อทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
  2. กรณีการขุดดินถมดิน ปัจจุบันไม่มีการดำเนินการขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 จะติดตามรวบรวมข้อมูล หากเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ สำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
  3. กรณีมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็น
    ของสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น จากการลงพื้นที่พบว่ายังไม่มีความก้าวหน้าและยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลให้สำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาทบทวนมาตรการให้เป็นรูปธรรมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

#ไม่ทำไม่ทนไม่เฉย #รวมไทยต้านโกง

Related