วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ : 8 มกราคม 2562
ความเป็นมา
ด้วยสำนักงาน ป.ป.ช ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนว่า ข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมิได้ดำรงตำแหน่งที่ราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเป็นจำนวนมาก สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้มีหนังสือที่ ปช 0003/0094 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 แจ้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ส่วนกลางเสมือนรถประจำตำแหน่ง ไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กำกับดูแล ควบคุม และตรวจสอบ ว่าข้าราชการผู้ใดที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งที่มีรถประจำตำแหน่งจะนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งไม่ได้ ข้าราชการผู้ใดกระทำการดังกล่าว ให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงด้วย
ต่อมา สำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ นร 0106/528 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2560 เรื่อง ข้อสังเกตเกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจำตำแหน่ง แจ้งไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 1006 - 77/2561 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ได้พิจารณากรณีการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนของรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์การมหาชน และเห็นว่าระเบียบการใช้รถของรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนมีความหลากหลายและมีรายละเอียดแตกต่างกัน ประกอบกับเมื่อศึกษาเปรียบเทียบระหว่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 พบว่าระเบียบฯ กฎหมายทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน ยกเว้นการกำหนดบทลงโทษ ซึ่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ผู้ใดกระทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หรือกระทำการโดยมีเจตนาทุจริต หรือปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น หรือตามกฎหมายเฉพาะ
ของส่วนราชการนั้น” ขณะที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ไม่มีการบัญญัติบทลงโทษไว้แต่อย่างใด
ข้อเสนอแนะ
ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งตระหนักถึงปัญหาของการนำรถยนต์ส่วนกลางของรัฐไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และลดจำนวนการร้องเรียนเรื่องการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางเสมือนรถประจำตำแหน่งไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คณะรัฐมนตรีสั่งการให้รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์การมหาชน ปฏิบัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว โดยเคร่งครัดต่อไป
มติคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมิได้ดำรงตำแหน่งที่ราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งและเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้แจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ควบคุมและตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งต่อมาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในบังคับของระเบียบฯ ทราบและถือปฏิบัติตามระเบียบฯ อย่างเคร่งครัดแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระเบียบฯ ไม่ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชน ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานดังกล่าวปฏิบัติกำกับ ควบคุม ดูแล และตรวจสอบว่าผู้ใดที่มิได้ดำรงตำแหน่งที่มีรถประจำตำแหน่งจะนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจำตำแหน่งมิได้ และผู้ใดกระทำการดังกล่าวให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงด้วย ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้รถยนต์ส่วนกลางของรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชนเป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดนำรถส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง นั้น สมควรให้เป็นดุลยพินิจ
ของหน่วยงานแต่ละแห่งในการพิจารณาปรับปรุงระเบียบของหน่วยงานโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยของหน่วยงานนั้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
“สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมประชุมหารือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” วันที่ 13 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรมและสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ หารือร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ณ ห้...
การประชุมสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ ห้องประชุมสถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ อาคาร ๖ ชั้น ๒ สำนักงาน ป.ป.ช. เริ่มประชุมเวลา ...
ประชาสัมพันธ์ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (ประเด็นการป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก (Anti-SLAPP Law)) ---- รายละเอียดเพิ่มเติม---- https://www.nacc.go.th/.../2018083118464317/20250606091727? &n...
ขอประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จ/การถอดบทเรียนจากการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมคุณธรรมของสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รายละเอียดสื่อเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่
สำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม ขอแสดงความยินดีกับ หน่วยงาน/บุคคล ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและทำความดีจนเป็นแบบอย่างได้
เริ่มประชุมเวลา 13.30 น. เมื่อครบองค์ประชุม นางสาวลัดดา เดือนสว่าง ผู้อำนวยการสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม ประธานในที่ประชุม กล่าวเปิดการประชุมและดำเนินการประชุมตามวาระ ดังต่อไปนี...