จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม
จำนวนผู้เข้าชม: 108
ศาลพิพากษาจำคุก อดีตนายกอบต.แหลมบัว จังหวัดนครปฐม กับพวก ทุจริตการดำเนินโครงการตัดแต่งต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าที่ทำการอบต.แหลมบัว
________________________
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาคดีอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม กับพวก รวม 3 คน กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตในการดำเนินโครงการตัดแต่งต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัว ในระหว่างปีงบประมาณ 2557 – 2559
สรุปคำพิพากษาได้ว่า คดีนี้มีการกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิด กรณีมีการอนุมัติและเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการตัดแต่งต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมบัวประจำปีงบประมาณ 2557 ถึง 2559 ให้แก่นาย ภ. รวมทั้งใช้เอกสารส่วนตัวของนาย ภ. ประกอบการเบิกจ่าย โดยไม่มีการจ้างนาย ภ. ทำงานโครงการดังกล่าวจริง โดยปรากฏพยานบุคคล คือนายภ. และนาย อ. ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่มีการจ้างให้นาย ภ. ดำเนินการจริง แต่ใช้ใบสั่งจ้าง แบบบันทึกการปฏิบัติงานและส่งมอบงานและตรวจรับพัสดุที่ใช้ในการตรวจรับงานจ้าง ต้นขั้วเช็คธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ใบสำคัญรับเงินและใบเสร็จรับเงิน รวมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และใบทะเบียนพาณิชย์ที่มีลายมือชื่อปลอมของนายภ. ประกอบการเบิกจ่ายเงินและทำปลอมฎีกาเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำเดือนทั้งสามปีงบประมาณดังกล่าว นาย อ. ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการให้ นาย อ. ลงลายมือชื่อปลอมของ นาย ภ. ในเอกสารดังกล่าว แล้วพานาย ภ. หรือนำหนังสือมอบอำนาจของนาย ภ. ให้เจ้าหน้าที่อบต.แหลมบัว ไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร หลังจากนั้น นาย อ. นำเงินไปให้จำเลยที่ 1 นอกจากนั้นยังมีบางช่วงเวลาที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะหัวหน้าส่วนการคลังหรือผู้อำนวยการกองคลังในขณะนั้น เรียกนาย อ. ไปลงนามในเอกสารประกอบฎีกาเบิกจ่ายเงินดังกล่าวด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงนี้สอดคล้องกับพยานบุคคลอื่น ๆ ในสำนวน โดยทางไต่สวนปรากฏว่า นาย พ. นาย ว. และนาง อ. พนักงานของอบต.แหลมบัว ทำงานตัดแต่งต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหน้าที่ทำการอบต.แหลมบัว ประจำปีงบประมาณ 2557 ถึง 2559 ซึ่งไม่ได้รับจ้างนาย ภ. โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการให้บุคคลทั้งสามทำงานดังกล่าว
พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม หรือเอกสารราชการปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฐานร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้าหนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น อันเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุดจำคุกกระทงละ 5 ปี โดยจำเลยที่ 1 กระทำความผิดรวม 33 กระทง จำคุก 165 ปี จำเลยที่ 2 กระทำความผิดรวม 20 กระทง จำคุก 100 ปี จำเลยที่ 3 กระทำความผิดรวม 5 กระทง จำคุก 25 ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม จำเลยที่ 1 คงจำคุก 99 ปี 132 เดือน จำเลยที่ 2 คงจำคุก 60 ปี 80 เดือน จำเลยที่ 3 คงจำคุก 15 ปี 20 เดือน แต่ในส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนดคนละ 50 ปี
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
________________________
หมายเหตุ : คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
