Contrast
9de7924f6210af2eaa5a0a11acfcef66.png

ศาลพิพากษารอลงอาญา อดีตรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม ทุจริตการเบิกจ่ายค่าอาหารของโรงเรียน

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม
จำนวนผู้เข้าชม: 141

18/07/2568

ศาลพิพากษารอลงอาญา อดีตรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม ทุจริตการเบิกจ่ายค่าอาหารของโรงเรียน

________________________

 

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาคดีอดีตรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม จังหวัดนครปฐม กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตในการเบิกจ่ายค่าอาหารของโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม

 

สรุปคำพิพากษาได้ว่า  ในระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2561 - 4 ตุลาคม 2561 นาง ร. (เสียชีวิตก่อนฟ้องคดีนี้) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม และจำเลย ในฐานะรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม ได้ร่วมกันทุจริตในการเบิกจ่ายค่าอาหารของโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม โดยนาง ร. ได้อนุมัติโครงการจ้างเหมาบริการประกอบอาหารสำหรับนักเรียน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ทั้งที่ความจริงแล้วโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐมสั่งซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้แม่ครัวซึ่งเป็นลูกจ้างของโรงเรียนทำอาหารให้แก่นักเรียน นาง ร. และจำเลย ใช้ชื่อนาย บ. เป็นผู้รับจ้างตามสัญญาจ้างเหมาบริการประกอบอาหารดังกล่าวอันเป็นความเท็จ ความจริงแล้ว นาย บ. ไม่ใช่ผู้รับจ้าง เป็นเพียงคนขายอาหาร เครื่องดื่ม และขนม ที่ร้านค้าสหการของโรงเรียน และให้นาย บ. เปิดบัญชีเงินฝากพร้อมทำบัตรกดเงินสด (บัตรเอทีเอ็ม) ธนาคารกรุงไทย สาขาสี่แยกสนามจันทร์ มอบให้นาง บ. (ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี) เก็บไว้ จากนั้นจำเลยขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน โดย นาง ร. ให้นางสาว ก. (เจ้าหน้าที่โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม) ปลอมลายมือชื่อ นาย บ. และมีการปลอมเอกสารประกอบฎีกาเบิกจ่ายเงิน โดยเพิ่มอัตราค่าอาหารของนักเรียน จากวันละ 55 บาทต่อคน เป็นวันละ 120 บาทต่อคน ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าวมีนักเรียนไม่เต็มจำนวน เนื่องจากนักเรียนบางส่วนกลับบ้าน ซึ่งเมื่ออนุมัติเบิกจ่ายเงินแล้ว จำเลยกับพวกเบิกถอนเงินไปใช้จ่ายเป็นค่าวัตถุดิบในการประกอบอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ย่อมมีเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยเจตนาแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม และเทศบาลนครนครปฐม ได้รับความเสียหาย เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน รวม 55 กรรม

 

พิพากษาว่า  จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 162 (1) (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 100,000 บาท รวม 55 กระทง เป็นจำคุก 275 ปี และปรับ 5,500,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 110 ปี 330 เดือน และปรับ 2,750,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

________________________

 

หมายเหตุ : คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

 

Related