Contrast
Font
bf3c3225e6de5ac471aa449c5508ebb2.jpg

สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 เผย อัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว คดีทุจริตค่าอาหารในโครงการสัมมนาของพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1323

27/03/2566

สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 เผย อัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว คดีทุจริตค่าอาหารในโครงการสัมมนาของพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์

         

          ป.ป.ช. ภาค 6 แถลงผลงานปราบปรามการทุจริต เผยมติชี้มูล กรณีข้อกล่าวหาพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ กับพวก ทุจริตเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวัน อาหารว่างและเครื่องดื่มของผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการผลิตบ่อหมักแก๊สชีวภาพ ด้านอัยการสูงสุดรับดำเนินคดีอาญาฟ้องแล้ว

 

นายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 6 ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 แถลงข่าวผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริต โดยเปิดเผยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในเรื่องที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 ดำเนินการไต่สวน จำนวน 1 เรื่อง คือ เรื่องกล่าวหาพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ กับพวก ทุจริตเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวัน อาหารว่างและเครื่องดื่มของผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการผลิตบ่อหมักแก๊สชีวภาพ โดยมี
ผู้ถูกกล่าวหาดังต่อไปนี้

  1. นายสัตยา อาจหาญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
  2. นายชัยสิทธิ์ สนิทไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างเทคนิคปฏิบัติงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
  3. นางสาวฉันท์ชนก โพธิ์จันทร์ เมื่อครั้งเป็นลูกจ้างสำนักงานพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3

           จากกรณีการทุจริตดังกล่าว พบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดทุจริตเงินงบประมาณเบิกจ่าย

ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ขออนุมัติงบประมาณ เพื่อจัดฝึกอบรมทั้งหมด 12 แห่ง แห่งละ 2 - 15 วัน และได้มีการยืมเงินทดรองราชการจากงบประมาณโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรม จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 305,800 บาท โดยจากการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า การจัดฝึกอบรมในแต่ละพื้นที่ไม่เป็นไปตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดไว้ รวมทั้งจัดฝึกอบรมไม่ครบจำนวนวันตามที่ขออนุมัติโครงการ ทั้งยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการฝึกอบรมและชาวบ้านผู้เข้าร่วมฝึกอบรมลงชื่อในแบบรายชื่อไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการจัดฝึกอบรมครบจำนวนวันตามที่กำหนดในโครงการ ซึ่งแท้จริงแล้วมีการฝึกอบรมเพียงแห่งละหนึ่งวันเท่านั้น รวมถึงมีการปลอมแปลงเอกสาร ปลอมแปลงลายมือชื่อผู้รับเงิน เพื่อประกอบการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการ โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เบียดบังเงินค่าใช้จ่ายในส่วนค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มไปเป็นของตนเองโดยทุจริต

          คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้

  1. การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147มาตรา 157 มาตรา 162 (4) มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
    พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) และ (4)
  2. การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (2) และมาตรา 83 (4)
  3. ให้กันผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไว้เป็นพยาน ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2561

          ปัจจุบัน อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีอาญาฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 162(4) มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 มาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

------

*** หมายเหตุ ***

การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด

ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Related