จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 596
สำนักงาน ป.ป.ช. เผย คณะกรรมการ มีมติ ชี้มูลความผิดนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมพวก เรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้น กรณีกล่าวหานายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมพวก เรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา
ซึ่งข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้จับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมแจ้งข้อหาฐานมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร ภายหลังส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการ ได้มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานยิงปืนที่ใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน ระหว่างการพิจารณาสั่งฟ้องคดี นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในฐานะอัยการจังหวัดตะกั่วป่า ได้เรียกเงินจากญาติของผู้ต้องหา จำนวน 500,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายธรรมะ หรือ ชินโชติ สอนใจ กับญาติผู้ต้องหา เมื่อญาติของผู้ต้องหาไม่จ่ายเงินตามที่เรียก นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ได้มีคำสั่งฟ้องโดยบรรยายฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมร่างคำฟ้องของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดี ว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคทอรี่ ทั้งที่ในสำนวนการสอบสวนไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคตอรี่แต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ร่างคำฟ้องเพิ่มเติมเพื่อขอให้ศาลพิจารณาลงโทษผู้ต้องหาในสถานหนัก
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
การดำเนินการทางอาญาและทางวินัย
การกระทำของนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 200 วรรคสอง และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85 (8)
สำหรับมูลความผิดทางวินัย เนื่องจากคณะกรรมการอัยการ ได้มีคำสั่งที่ 5/2565 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2565 ลงโทษไล่ออกนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในการกระทำความผิดนี้เหมาะสมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้อง ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) อีก
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษากับนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)
ทั้งนี้ การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด