จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 495
สำนักงาน ป.ป.ช. ส่งเสริมภาคประชาชน ร่วมเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแส เฝ้าระวังการทุจริต หนุนการศึกษา วิจัย วิเคราะห์บทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชน มุ่งเป้าหมายให้เกิดประโยชน์ในการเสนอแนะแนวทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตที่มาจากประชาชนโดยตรง
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า การวิจัย เรื่อง “การพัฒนาบทบาทภาคประชาชนในการเป็นผู้แจ้งเบาะแส” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยการศึกษาข้อมูลจากเอกสาร และการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาคประชาชน และสื่อมวลชนที่มีบทบาทในการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเบาะแสการทุจริต ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ
จากการศึกษาผลวิจัยครั้งนี้พบว่า ปัจจุบันช่องทางการร้องเรียนและแจ้งเบาะแส การทุจริตที่เข้ามายังสำนักงาน ป.ป.ช. ช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2564 ส่วนใหญ่มาจากหนังสือร้องเรียน รองลงมาคือ หนังสือราชการ และบัตรสนเท่ห์ ตามลำดับ โดยปัจจัยที่มีส่วนกำหนดความสำเร็จในการแจ้งเบาะแส ประกอบด้วย การมีจิตสาธารณะ ความเชื่อมั่นต่อระบบการแจ้งเบาะแส การมีกฎหมายรองรับการแจ้งเบาะแสการทุจริต การได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานของภาครัฐ การมีกฎหมายต่อต้านการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ การตอบสนองต่อเรื่องที่ร้องเรียน และการให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันองค์กรที่เข้ามามีบทบาทหรือมีส่วนร่วมประสานงานการข่าว ให้เบาะแสเชิงลึก และติดตามรายละเอียดการทุจริตของหน่วยงานรัฐ จากภาคประชาชนในประเทศไทย อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) สถาบันอิศรา ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ที่ล้วนแต่มีบทบาทที่คล้ายคลึงกัน คือการนำเสนอเนื้อหาข่าวสารเพื่อเปิดโปงการกระทำทุจริต หรือการกระทำที่มีความเสี่ยงจะนำไปสู่การทุจริตของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้สังคมเกิดการรับรู้และตื่นตัวต่อปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม โดยแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะมาประชาชนในพื้นที่ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากการทุจริต ตลอดจนการสืบค้นเองจากแหล่งข้อมูลของหน่วยงานรัฐ โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่พบจากการได้มาซึ่งข้อมูลเบาะแสของการทุจริต คือ แหล่งข้อมูลที่มาจากประชาชนมักขาดเอกสารหลักฐานประกอบ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และยังมีปัญหาด้านการเข้าถึงแหล่งข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่เป็นข้อจำกัดในการตรวจสอบ
การวิจัยนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแก่ สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ต้องส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชน รวมทั้งการขยายผลด้านประชาสัมพันธ์และนำเสนอด้วยการจัดทำสื่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ถึงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตลอดจนการเข้าถึงช่องทางการร้องเรียนและแจ้งเบาะแส วิธีการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสที่ครบถ้วนและถูกต้อง รวมถึงการเน้นหนักด้านการประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงช่องทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตผ่านช่องทางที่เป็นระบบ การแจ้งเบาะแสการทุจริตของ สำนักงาน ป.ป.ช. ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่อสารให้ความรู้และความเชื่อมั่นต่อประชาชนถึงมาตรการในการคุ้มครองความปลอดภัยต่อผู้ร่วมแจ้งเบาะแสด้วย
โดยองค์ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากการวิจัยดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ช. จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเฝ้าระวังการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน หากร่างกฎหมายคุ้มครองประชาชนที่ถูกฟ้องคดีปิดปาก ที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอให้มีการแก้ไข มีผลบังคับใช้ ก็จะช่วยเพิ่มกลไกและมาตรการในการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ให้ถ้อยคำ แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส การทุจริต และยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้แจ้งข้อมูลการทุจริตมากยิ่งขึ้นอีกด้วย