Contrast
Font
5b602c957c3ae421eba95b8192745c94.jpg

ป.ป.ช. นำโครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ สร้างโมเดลเมืองรับมือต้านทุจริตในอนาคต

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 159

22/09/2566

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เดินหน้านำผลจากการสัมมนาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระดับชาติ ปี 2566 ขับเคลื่อนนโยบายของการต่อต้านการทุจริตให้เป็นรูปธรรม ให้เมืองหลวงและทุกจังหวัดต่อยอดโมเดลการเป็นเมืองต้นแบบของการต่อต้าน และพร้อมรับมือกับการทุจริตในอนาคต

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  เปิดเผยว่าจากการจัด โครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระดับชาติ ประจำปี 2566 ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ประธานกรรมการ ป.ป.ช.) เป็นประธานแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้หัวข้อ “ผลการดำเนินการตามตัวชี้วัดด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี: ความท้าทายของการทุจริตในอนาคต” โดยระหว่างการสัมมนาได้มีการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Work shop) สำหรับบุคลากรและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น โดยแบ่งเป็นกลุ่มอภิปราย 3 กลุ่มหัวข้อ ได้แก่ (1) ปลูกฝัง-ป้องกัน-ป้องปราม การทุจริตเชิงรุก (2) การประเมิน ITA ภาพสะท้อนที่ท้าทายในการบริหารงานภาครัฐและเอกชน และ (3) การลดจำนวนคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานภาครัฐ เป้าหมายที่ท้าทายพฤติกรรมการทุจริตของเจ้าหน้าที่ เพื่อวางแนวทางในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายในระยะ 5 – 10 ปี                                                                                       

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวถึงผลของการสัมมนาในครั้งนี้ว่า สำนักงาน ป.ป.ช. หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้ร่วมกันเดินหน้าผลักดัน “ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนแม่บทของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การสร้างให้ข้าราชการหน่วยงานของรัฐและประชาชน ได้ตระหนักรับทราบและเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และร่วมกันเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ที่จะก่อให้เกิดการกระทำอันเป็นการทุจริตในทุกภาคส่วน จึงได้จัดทำโครงการ “โครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระดับชาติ” มาเป็นประจำทุกปี ควบคู่ไปกับการศึกษาทบทวนการดำเนินการ ตามประเด็นยุทธศาสตร์ “สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย” เพื่อให้ทราบถึงผลการดำเนินงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง                                                                                                           

สำหรับ แนวทางการรับมือกับการทุจริตในอนาคต จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ต้องเรียนรู้ ตื่นรู้ รอบรู้ และมีศักยภาพในการคาดการณ์อนาคต โดยเฉพาะ ภาคการเมืองก็ต้องพัฒนาประเทศด้วยความโปร่งใส ปราศจากการคอร์รัปชัน พร้อมกับสนับสนุนให้เสริมสร้างทุกอำเภอ ทุกท้องที่ ทุกจังหวัดของประเทศไทย กลายเป็น “เมืองที่มีแต่ประชากรคุณภาพและสังคมชุมชนที่แข็งแรงตื่นตัวต่อการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ” (Strong Citizen and Society) รวมถึงทุกเขตในกรุงเทพมหานคร ก็ต้องพร้อมจะพัฒนาไปสู่การเป็น “เมืองหลวงที่แข็งแรง ใสสะอาด” (Strong Smart Capital Bangkok)                                                                                                                 

โดย “กลยุทธ์สำคัญ” ของการดำเนินการรับมือกับการทุจริตในอนาคต เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จะต้อง ลดขั้นตอน ของกระบวนการให้เกิดช่องโหว่ เพราะการที่มีขั้นตอนในการติดต่อราชการที่ซับซ้อน ทำให้มีช่องทางที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ เพื่อลดขั้นตอน หรืออำนวยความสะดวกอย่างไม่โปร่งใส ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนในการจัดซื้อจัดจ้าง ดูแลงบประมาณ รวมถึงผู้รับจ้าง ภาคเอกชน ต้องยึดหลัก ความโปร่งใส (Transparency) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้ดุลยพินิจพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีพิเศษในลักษณะแบบผูกขาดผู้รับจ้างรายใดรายหนึ่ง ขณะเดียวกันผู้นำประเทศ ผู้นำองค์กร และผู้บริหารทุกภาคส่วนจะต้องมีเจตจำนงที่แน่วแน่ มีความซื่อสัตย์ยุติธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ และ สามารถตรวจสอบได้ (Accountability) ตามแผนการสร้างผู้นำแบบ Tone at the top”                                                                                           

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้ผลักดันการสร้างโมเดลเมืองให้เกิดความโปร่งใสในทุกภาคส่วน และใช้เป็นบรรทัดฐานในการพัฒนาประเทศให้เดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยยกระดับกลายเป็นประเทศที่ปลอดการทุจริตอย่างแท้จริงในอนาคต

Related