จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 416
ป.ป.ช. ร่วมจับกุมเทศกิจดุสิต เรียกรับเงินผู้ประกอบการเพื่อแลกกับค่าดูแล
3 หน่วยงานปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. จับมือ ตำรวจ ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. สนธิกำลังร่วมจับกุมพนักงานเทศกิจของสำนักงานเขตดุสิต พร้อมของกลางเป็นเงินสด 6,000 บาท หลังถูกร้องเรียนเรียกรับเงินค่าดูแลเดือนละ 3,000 บาท จากผู้รับเหมาก่อสร้างแลกกับการไม่เข้าตรวจสอบการดำเนินการตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด
สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. จับกุมตัว พนักงานเทศกิจ สำนักงานเขตดุสิต ในความผิดฐานเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ แลกค่าดูแลไม่ให้ตรวจตาม พรบ.รักษาความสะอาดฯ
โดยเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับ ตำรวจ ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. วางแผนจับกุม พนักงานเทศกิจ สำนักงานเขตดุสิต รายหนึ่ง หลังจากได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่เขตดุสิต ว่าพนักงานเทศกิจ สำนักงานเขตดุสิต คนดังกล่าว มีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ จำนวน 6,000 บาท แลกกับการไม่เข้าตรวจตาม พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้กระทำผิด ไปจัดทำบันทึกการจับกุม โดยแจ้งข้อหาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการร้องเรียนของ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง ที่รับงานก่อสร้างโครงการในซอยร่วมจิตต์ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ขออนุญาตและได้รับอนุญาต จากสำนักงานเขตดุสิตให้ก่อสร้างอย่างถูกต้องแล้ว โดยระหว่างก่อสร้างมีเจ้าหน้าที่เทศกิจรายนี้ ได้เข้ามาแสดงตัวที่ไซต์งานก่อสร้าง โดยอ้างว่าการก่อสร้างมีรถขนอุปกรณ์ก่อสร้าง ที่มิได้จัดให้มีผ้าใบป้องกันวัสดุที่บรรทุกตกหล่น ต้องจ่ายค่าดูแลเป็นรายเดือน โดยคิดเดือนละ 3,000 บาท และยังโทรติดต่อผู้เสียหายเร่งให้จ่ายค่าดูแลอีกหลายครั้ง
โดยผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมโดยดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับกรณีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการสืบสวนสอบสวนจากทางเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยศาลยังมิได้มีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดหรือชี้ขาด ดังนั้น ผู้ต้องหาจึงยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่และยังมีสิทธิในการต่อสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป