Contrast
Font
9c3abfee9ccde401df389da25b174610.jpg

การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด บ่อเกิดของปัญหาการทุจริต

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 690

29/03/2567

การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด บ่อเกิดของปัญหาการทุจริต

  

สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง จากภารกิจดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน ประชาชน กลุ่มบุคคล หน่วยงานต่างๆ และสื่อมวลชน มีความตื่นตัวถึงผลกระทบที่เกิดจาการทุจริต และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกับสำนักงาน ป.ป.ช. ในมิติต่างๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. จึงเล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมองค์ความรู้หรือกรณีศึกษาตัวอย่างคดีต่างๆ โดยการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาการทุจริตที่อาจเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

 

ซึ่งกรณีศึกษาในครั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องการให้ประชาชน กลุ่มบุคคล หน่วยงานต่างๆ และสื่อมวลชนได้รับรู้เกี่ยวกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งเป็นบ่อเกิดของปัญหาการทุจริตการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นบ่อเกิดของปัญหาการทุจริตตามมา เป็นปัญหาที่ฝังรากลึก
ในสังคมไทยมายาวนาน และส่งผลกระทบต่อประเทศไทยนับมูลค่ามหาศาล ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ห้ามเจ้าพนักงานของรัฐและผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐมาแล้ว ยังไม่ถึง 2 ปี รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใดที่นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้รับตามกฎหมาย เว้นแต่เป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจํานวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนดไว้เมื่อปี พ.ศ. 2563 ใน 2 กรณี ดังนี้

 

1) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใดซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคาหรือมูลค้าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท

2) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป๋็นเงินได้ที่การให้นั้นเป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป หากมีการฝ่าฝืนถือว่าเป็นการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และมีโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ทั้งนี้ มีกรณีศึกษาจากตัวอย่างคดีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใดอันควรได้ตามกฎหมาย ดังนี้

 

กรณีที่ 1 เจ้าพนักงานเรียกรับเงินจากผู้รับจ้างช่วงติดตั้งและปรับปรุงไฟฟ้าสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา

จําเลยดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการเขตพื้นที่การศึกษามีอํานาจหน้าที่ควบคุมงานติดตั้งและปรับปรุงไฟฟ้าสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้รับจ้างช่วงจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการติดตั้งและปรับปรุงไฟฟ้าสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว บอกว่ามีความจําเป็นต้องใช้เงินเนื่องจากบุตรสาวจะเปิดภาคการศึกษาขอให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของบุญสาวของจําเลย ผู้เสียเกรงว่างานที่ทําอาจมีปัญหาและถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งอาจทําให้ผิดสัญญาและจะถูกยกเลิกสัญญา หรือถูกปรับ จึงโอนเงินเข้าบัญชีลูกสาวจําเลยจํานวน 20,000 บาท ต่อมาจําเลยโทรศัพท์หาผู้เสียหายบอกว่าจะไปดูงานต่างประเทศกับคณะ ยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเรียก
ร้องเงินจากผู้เสียหายอีกจํานวนหนึ่ง แต่ผู้เสียหายได้ต่อรองเหลือ 40,000 บาท ผู้เสียหายได้มอบเงินจํานวนดังกล่าวให้แก่จําเลย โดยผู้เสียหายไม่ยินดีที่จะมอบให้ เหตุที่มอบให้เนื่องจากเกรงว่างานที่ทําจะมีปัญหา ขณะที่ให้เงินแก่จําเลย งานของผู้เสียหายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ทํางานแล้วเสร็จและส่งมอบงานติดตั้งและปรับปรุงไฟฟ้าดังกล่าว

คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น ว่าจําเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใด ในตําแหน่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 กับเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 หรือมาตรา 128 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 (คําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 คดีหมายเลขแดงที่ 695/2561)

กรณีที่ 2 เจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับส่วนแบ่งจากเงินโบนัส

นาย ม. ตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลแห่งหนึ่งมีอํานาจหน้าที่กําหนดนโยบายรับผิดชอบ
การบริหารราชการ ตลอดจนมีอํานาจอนุมัติจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงิน ประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป็นเงินจำนวน 1,151,172 บาท เพื่อจ่ายให้แก่บุคลากรที่มีสิทธิ์ได้รับเงินดังกล่าว รวม 28 คน นาย ม. ได้เรียกส่วนแบ่งเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษจากบุคลากรที่มีสิทธิ์รับเงิน 10% ซึ่งหากตกลงยินยอมก็จะลงนามในเช็ค ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินหรือได้รับเงินดังกล่าวล่าช้าและอาจถูกกลั่นแกล้งในการปฏิบัติงาน จําต้องยอมตกลงจ่ายเงินให้แก่ นาย ม. รวมเป็นเงิน 105,218.75 บาท จากนั้น นาย ม. จึงลงนามในเช็คและโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารขอผู้มีสิทธิ์รับเงิน

คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทําของ นาย ม. เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตําบลและผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือ จากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 122 วรรคหนึ่ง (กฎหมายฉบับปัจจุบัน คือ มาตรา 128 มาตรา 169) (ศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ 9849/2561)

 

กรณีที่ 3 เจ้าพนักงานของรัฐเรียกค่าดําเนินการโดยมิได้มีตําแหน่งหน้าที่ดําเนินการดังกล่าว

ขณะเกิดเหตุจําเลยดํารงตําแหน่งนักบริหารงานช่างระดับ 7 ทําหน้าที่ผู้อํานวยการกองช่าง ของเทศบาลตําบล ช. มีหน้าที่บริหารงานในตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน จําเลยจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ การที่จําเลยเรียกค่าดําเนินการตัดแต่งต้นไม้สักจากผู้เสียหาย โดยบอกว่าได้รับอนุญาตให้ตัดแต่งได้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นผู้อนุญาต บอกแค่ภาพรวมๆ ว่าได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่ได้เข้าใจว่าจําเลยเป็นผู้มีตําแหน่งหน้าที่ที่มีอํานาจอนุญาต การกระของจําเลย จึงไม่เป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้ที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สําหรับตนเองหรือผู้อื่น แต่การที่จําเลยเรียกค่าดําเนินการจากผู้เสียหายเป็นเงินจํานวน 10,000 บาท โดยที่ผู้เสียหายไม่มีความจําเป็นต้องจ่าย แม้ผู้เสียหายเต็มใจ จะจ่ายให้จําเลยก็ตาม การกระทําของจําเลยเป็นการรับทรัพย์สินจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินอันควรได้ตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย”

คดีนี้ ผู้เสียหายต้องการปลูกอาคารที่อยู่อาศัยซึ่งหน้าของแปลงที่ดินดังกล่าวมีต้นไม้สักขนาดใหญ่ และเกรงว่าเมื่อมีลมพัดมาจะทําให้เศษกิ่งต้นสักหักโค้นลงมาถูกอาคารเสียหาย จึงไปยื่นคําร้องขอตัดแต่งต้นสักดังกล่าวต่อกองช่างของเทศบาลตําบล ช. และกองช่างมีหนังสือขออนุญาตตัดแต่งกิ่งต้นไม้สักไปยังสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย จําเลยเป็นผู้อํานวยการกองช่างของเทศบาลตําบล ช. ซึ่งมิได้มีตําแหน่งหน้าที่ในการอนุญาตให้ตัดแต่งต้นสัก ได้แจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้รับอนุญาตให้ตัดแต่งต้นสักแล้ว แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง โดยรู้อยู่แล้วว่ายังมิได้รับหนังสืออนุญาตจากสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอํานาจอนุญาตให้ตัดแต่งต้นสัก ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงว่าจ้างผู้มีชื่อที่จําเลยจัดหามาให้ตัดแต่งต้นสักในราคา 40,000 บาท และจําเลยเรียกรับเงินค่าดําเนินการจากผู้เสียหาย จํานวน 10,000 บาท (คําพิพากษาศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 คดีหมายเลขแดงที่ อท.63/2561)

 

จากตัวอย่างคดีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดดังกล่าว คงจะพอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดฐานเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้รับตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 กับความผิดฐานเจ้าพนักงานรับสินบน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 รวมทั้งควรพึงระวังในการประพฤติปฏิบัติตนหรือปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายกําหนด เพื่อมิให้มีการกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายหรือกระทําผิดกฎหมายซึ่งมีโทษทางอาญา

 

สำนักงาน ป.ป.ช. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์ความรู้กรณีศึกษาตัวอย่างคดีต่างๆ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และหวังว่าองค์ความรู้เกี่ยวกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จะนำไปสู่การเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ช่วยเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลสังคม ชุมชน ใกล้ตัว อันจะนำไปสู่สังคมที่ปลอดการทุจริตอย่างยั่งยืน

 

อ้างอิง : หนังสือคดีสินบนกับการรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าพนักงานของรัฐ สำนักงาน ป.ป.ช.

Related