Contrast
Font
d4bc6f00fa3c8cf6c9f09e83849c808a.jpg

การประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (The Second International Conference on Anti–Corruption Innovations in Southeast Asia)

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 911

04/07/2567

การประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2
(
The Second International Conference on Anti–Corruption Innovations in Southeast Asia)

จบไปแล้วกับ “การประชุมเชิงวิชาการด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งที่ 2” !

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค (KRAC) สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC - United Nations Office on Drugs and Crime) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) (ACT) และ แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai CAC) ได้มีการจัดการประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติขึ้น ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรง S31 Sukhumvit Hotel กรุงเทพฯ

โดยการประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชิงวิชาการ ประสบการณ์ และกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมในการต่อต้านการทุจริตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระหว่างองค์กรต่อต้านการทุจริตภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมถึงวิทยากรผู้มีความเชี่ยวชาญ และได้รับการยอมรับในแวดวงต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ซึ่งได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถนำแนวทางการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันไปใช้ในประเทศของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประชุมครั้งนี้เริ่มด้วยการกล่าวเปิดการประชุมโดยพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ที่ได้เน้นย้ำว่าการต่อต้านการทุจริตเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือและนำมาตรการต่าง ๆ มาใช้ โดยเฉพาะในการต่อต้านการกระทำข้ามพรมแดน และมีความจำเป็นที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาปรับใช้ในการตรวจสอบและปฏิบัติการต่าง ๆ โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการปรับใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการดำเนินงานด้านปราบปรามการทุจริต ด้านป้องกันการทุจริต และด้านการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ดังเช่น เทคโนโลยีภูมิสาระสนเทศ อีกทั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ร่วมมือกับสถาบันพระปกเกล้า โดยได้รับงบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมดำเนินงานวิจัย เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการตรวจรับข้อมูลคำกล่าวหา การทุจริตไม่มีพรมแดน ทำให้ต้องใช้ความร่วมมือจากองคาพยพต่าง ๆ ทั้งในระดับปัจเจก ประเทศ กลุ่มประเทศ ภูมิภาค และระหว่างประเทศ ซึ่งต้องทำอย่างชัดเจน และเป็นระบบ

จากนั้น Mr. Masood Karimipour ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมว่าการแลกเปลี่ยนบทเรียนและประสบการณ์ การเสริมสร้างความร่วมมือใน การต่อสู้กับการทุจริต จำเป็นต้องนำมาตรการ เทคโนโลยี และวิธีการใหม่ ๆ มาปรับใช้ โดยต้องมีพลวัตตลอดเวลา การเสริมสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ จากรายงานและข้อค้นพบของ UNODC เห็นว่า การทุจริตเป็นปัญหาอุปสรรคทั้งในเชิงโครงสร้าง/สถาบัน และการปฏิบัติงานของบุคคล ซึ่งทำให้ยิ่งต้องปรับปรุง หรือยกระดับกฎหมาย นโยบายให้เท่าทัน ก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการทุจริตหรือการฟอกเงินข้ามพรมแดน ซึ่งส่วนนี้ ยังพบช่องว่างการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในหลาย ๆ ภูมิภาครวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีข้อเสนอ เรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาปรับใช้ ในขณะที่มีข้อท้าทายจากการขาดเสถียรภาพทางการเมือง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในส่วนขององค์กรภาครัฐและที่มิใช่ภาครัฐ อาทิ องค์กรภาคประชาสังคม ภาควิชาการ สื่อมวลชน และธุรกิจเอกชน ช่วยสร้างหุ้นส่วนและเครือข่ายต่อต้านการทุจริต เป็นการสร้างกลไกติดตามตรวจสอบ ในขณะที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนนำเครื่องมือต่าง ๆ ทั้งการกำหนดจริยธรรม การป้องปรามและการตรวจสอบและชะลอการทำธุรกรรมต้องสงสัย ทำให้เกิดการบูรณาการ การพัฒนายุทธศาสตร์ และการทำงานในลักษณะพันธมิตรที่สำคัญ

นอกจากนี้ การประชุมเชิงวิชาการฯ ได้มีปาฐกถาพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ได้แก่ Professor Matthew C. Stephenson อาจารย์ด้านกฎหมายจาก Harvard Law School ที่มีผลงานเกี่ยวกับการศึกษาธรรมาภิบาลและการต่อต้านการคอร์รัปชัน ในหัวข้อ Unveiling Corruption's Puzzle: Exploring Challenges and Opportunities for Anti-Corruption Agencies in Southeast Asia ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายของการป้องกันการทุจริตในภูมิภาค เช่น การแทรกแซงทางการเมือง ความเป็นอิสระของหน่วยงาน ข้อจำกัดด้านงบประมาณ และการมีบรรทัดฐานทางสังคม นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มโอกาสในการป้องกันการทุจริตได้ด้วยการกำหนดขอบเขตและบรรทัดฐานที่ชัดเจนเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน รวมถึงการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี เช่น Big Data Analytics ในการเฝ้าระวังคอร์รัปชัน นอกจากนี้ยังแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย เช่น การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการคอร์รัปชัน และสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน นอกจากนี้ยังย้ำว่า การจัดประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างพื้นที่ให้หน่วยงาน นักวิชาการ และคนทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันได้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความร่วมมือในการดำเนินการ รวมทั้งต่อยอดโครงการและแนวทางต่อต้านคอร์รัปชันให้เกิดขึ้นจริง

รวมถึง Ms. Annika Wythes Team Lead, Anti-Corruption Hub for Southeast Asia and the Pacific, UNODC ที่ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Thematic insights in Anti-Corruption in the region ซึ่งได้เน้นย้ำให้ประเทศสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) ให้ความสำคัญต่อการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในภูมิภาค ผ่านการส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคมและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการตามกรอบอนุสัญญาฯ

การประชุมครั้งนี้ได้แบ่งประเด็นการเสวนาทั้งหมด 3 หัวข้อ ดังนี้ หัวข้อที่ 1 การเปิดเผยข้อมูล (Open Data) หัวข้อที่ 2 มุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Foreign Investors' Perspectives on Anti-Corruption in Southeast Asia) และหัวข้อที่ 3 ความเชื่อมโยงระหว่างการทุจริตกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (Linkages between Corruption and Transnational Organized Crime; TOC) ซึ่งเราได้สรุปสาระสำคัญไว้ให้คุณแล้ว !

จากหัวข้อ “ข้อมูลเปิด” ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลและข้อมูลเปิด และสิทธิในการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูล ตลอดจนการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เพิ่มขึ้น และสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน รวมถึงการตั้งมาตรฐานของข้อมูลเปิดระดับชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะและการสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการประสานแนวทางและมาตรฐานข้อมูลเปิดที่จะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านการใช้เครื่องมือที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวทางสังคม รวมถึงเป็นการสนับสนุนการสร้างการเปลี่ยนแปลงในการต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น การพัฒนาระบบออนไลน์เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการส่งเสริมการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนบนฐานของข้อมูล เป็นต้น

สำหรับหัวข้อ “มุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ได้ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index; CPI) จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนและส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีในประเทศไทยซึ่งเป็นมุมมองจากนักวิชาการและนักลงทุนทั้งในไทยและต่างชาติ โดยได้เสนอแนะถึงความสามารถในการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลสู่ระบบดิจิทัลเพื่อใช้วิเคราะห์ช่องโหว่การคอร์รัปชันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ในกระบวนการธุรกิจเพื่อเพิ่มความโปร่งใส รวมถึงการนำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรฐานได้ ดังนั้นการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีนอกจากจะช่วยป้องกันและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทุจริต ยังมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรม เช่น การส่งเสริมการบริหารงานในท้องถิ่น การสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็ง และการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลในการสร้างแนวปฏิบัติที่ดี ผ่านการรับแนวทางจากองค์กรต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันในระดับนานาชาติที่หากประเทศไทยได้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น

โดยในหัวข้อสุดท้ายอย่าง “ความเชื่อมโยงระหว่างการทุจริตกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ได้กล่าวถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจบริบทและสถานการณ์ของการคอร์รัปชันและอาชญากรรมข้ามชาติรวมถึงช่องโหว่ของการคอร์รัปชันและอาชญากรรมข้ามชาติที่ต้องพัฒนาแนวทางการแก้ไขโดยเร่งด่วน เช่น การคอร์รัปชันในคาสิโน การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดน โดยสามารถแก้ไขปัญหาโดยการจัดหางานให้กับแรงงานต่างด้าวผ่านการกระจายอำนาจสู่หน่วยงานอื่น ๆ และการตรวจสอบการติดสินบนอย่างครอบคลุมในแต่ละกระบวนการ รวมถึงการปกป้องผู้แจ้งเบาะแส และแบ่งปันข้อมูลผ่านการมีกฎหมายปกป้องกลุ่มคนดังกล่าว เป็นต้น ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนต่าง ๆ เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์และติดตามข้อมูลทางการเงิน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงหัวใจสำคัญของการต่อสู้กับการคอร์รัปชันและอาชญากรรมข้ามชาติ คือการมีส่วนร่วมในสังคมระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และภาคสื่อสารมวลชนที่สามารถเข้ามามีบทบาทในการร่วมแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้ 

งานนี้เป็นพื้นที่สำหรับการสร้างเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่แข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทำให้เกิดความร่วมมือและความเชื่อมโยงของประเด็นการทำงานที่เกี่ยวข้องกันอย่างหลากหลายจากการรวบรวมผู้มีส่วนร่วมจากภาครัฐและเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาและองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากการร่วมกันต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน

สำนักงาน ป.ป.ช. จะจัดทำรายงานสืบเนื่องจากการประชุม (Conference Proceeding) เผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้

Related