Contrast
Font
40314c9f8385f6c29bc4dc7aa637fa1f.png

ป.ป.ช. ลำปาง แถลงข่าวเปิดเผยผลการชี้มูลความผิดนายก อบต.วังทรายคำ กับพวก 6 ราย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดลำปาง
จำนวนผู้เข้าชม: 170

26/05/2566

ภารกิจปราบปรามการทุจริต

กรณีกล่าวหา นายประสิทธิ์  สมงอน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง กับพวกรวม 6 ราย  

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 84/2565 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ได้พิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้นคดีหมายเลขดำที่ 34 – 1 – 535/2559 พร้อมความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์

จากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า นายประสิทธิ์  สมงอน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสาธิต  ปัญญารัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวจิรภิญญาธร หรือจีรนันท์ โทจำปา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายปรัญชัย วรรณารักษ์  ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนายประสิทธิ์  รักสัตย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) แก่พนักงานส่วนตำบล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างประจำปี 2554 ตามคำสั่งองค์การบริหารส่วนตำบลวังทรายคำ ที่ 338/2554 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2554 ได้ร่วมกันพิจารณาจ่ายเงินโบนัสให้แก่พนักงานส่วนตำบล จำนวน 2 ราย น้อยกว่าสิทธิที่ควรจะได้รับโดยมิชอบ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามหนังสือสำนักงาน ก.จ., ก.ท. และ ก.อบต. ด่วนที่สุด ที่ มท 0809.3/ว.25 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2549 ประกอบประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดลำปาง เรื่อง กำหนดเงื่อนไขและวิธีการกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่น สำหรับพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ 5 เมษายน 2549 นอกจากนี้ ยังได้เรียกพนักงานส่วนตำบลและพนักงานจ้าง ผู้มีสิทธิได้รับเงินโบนัสเข้าร่วมประชุมโดยแจ้งและตกลงกันที่จะหักเงินโบนัสของพนักงานผู้มีสิทธิรับเงินโบนัส เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเบิกได้จากหน่วยงาน แม้ทางการไต่สวนจะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการพิจารณาจ่ายเงินโบนัส ประจำปีงบประมาณ 2554 แต่เมื่อเงินโบนัสดังกล่าวเป็นของพนักงานที่เกิดจากผลงานการปฏิบัติหน้าที่ราชการ แม้ว่าผู้ถูกเรียกจะยินยอมให้หักหรือไม่ก็ตาม การเรียกหักเงินโบนัสย่อมเป็นการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0809.3/ว.3846 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 ที่กำหนดห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์หรือหักเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) จากข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น หรือลูกจ้างโดยเด็ดขาด การหักเงินโบนัสเพื่อไปเป็นค่าใช้จ่ายอื่น จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยอำนาจและหน้าที่ของนายประสิทธิ์  สมงอน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1กับพวก และภายหลังการประชุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 สั่งการให้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ในฐานะเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จัดทำฎีกา และเอกสารการจ่ายเงินโบนัส จำนวน 2 ชุด เสนอ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบล   วังทรายคำ ลงนาม โดยเอกสารชุดที่ 1 ระบุจำนวนเงินโบนัสที่ยังมิได้ถูกหักเป็นค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงส่วนเอกสารชุดที่ 2 ระบุจำนวนเงินโบนัสหลังถูกหักค่าใช้จ่ายตามที่ตกลง รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 44,294 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ได้นำเอกสารชุดที่ 2 ส่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวังเหนือ เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าว ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง จากนั้น วันที่ 31 ตุลาคม 2554 พนักงานส่วนตำบลและพนักงานจ้าง จึงได้รับเงินโบนัสหลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งมิใช่จำนวนที่ระบุในเอกสารรายละเอียดการเบิกเงิน พนักงาน ลูกจ้าง องค์การบริหารส่วนตำบลวังทรายคำ

การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจ ในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และฐานกระทำการฝ่าฝืนความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92

การกระทำของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 - 6 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น   การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือ ใช้อํานาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานประพฤติชั่วร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดลำปาง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2544 ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง

การดำเนินการทางวินัย

วันที่ 15 ธันวาคม 2565 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดลำปาง ได้ส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 – 6

การดำเนินคดีอาญา

อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งรับดำเนินคดีอาญาฟ้องนายประสิทธิ์  สมงอน กับพวก รวม 6 ราย โดยแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปพบพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 5 ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Related