เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 66 นางสาวอภินัทธ์ พัฒนากรสิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ
ตามที่ปรากฏข่าวกรณีมีการลบข้อมูลผู้ป่วยจากระบบฐานข้อมูลผู้ป่วย ของโรงพยาบาลศรีสะเกษ จนทำให้ไม่สามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้ ผู้ป่วยต้องเดินทางกลับและพบแชทหลุดของคนในหวังใช้เป็นข้ออ้างในการจัดซื้อโปรแกรมใหม่ มีเด็กในสังกัดของผอ.โรงพยาบาลฯเกี่ยวข้อง โดยเปิดบริษัทขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้โรงพยาบาลฯ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระบบเทคโนโลยีของโรงพยาบาลฯ ระบุว่า วันเกิดเหตุข้อมูลผู้ป่วยหายไปจากระบบ HIMPRO ซึ่งเป็นระบบเดิมที่ทางโรงพยาบาลศรีสะเกษใช้อยู่ และใช้มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว มีการพัฒนาปรับปรุงมาตลอด โดยโรงพยาบาลฯ มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับสำรองข้อมูล จึงได้ทำการแบ็คอัพข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์สำรองและดึงข้อมูลกลับมาได้ ซึ่งใช้เวลานาน ประมาณ 10-12 ชั่วโมง จึงจะดึงข้อมูลกลับมาได้ทั้งหมด เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก หลังจากเกิดปัญหาดังกล่าว ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการดูแลข้อมูลไม่ให้เสียหาย เพื่อป้องกันการเผชิญเหตุกรณีข้อมูลผู้ป่วยสูญหายซ้ำขึ้นอีก ซึ่ง ณ วันที่ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบข้อมูลดังกล่าวกลับมาใช้ได้เป็นปกติแล้ว
ในส่วนของกรณีมีการกล่าวอ้างถึงการลบข้อมูลผู้ป่วยดังกล่าว ว่ามีคนในทำเพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการหาประโยชน์ให้มีการจัดซื้อโปรแกรมใหม่นั้น ผอ.โรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้ชี้แจงว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เนื่องจากในการเข้าถึงระบบข้อมูลผู้ป่วยของคนในเองมีผู้เกี่ยวข้องหลายระดับ ได้แก่
แอดมิน แพทย์ พยาบาล โดยในเรื่องนี้ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ
สำหรับการจัดซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือซอฟแวร์ที่ใช้กับระบบข้อมูลผู้ป่วยซึ่งเป็นครุภัณฑ์ หากโรงพยาบาลฯจะจัดซื้อ ต้องมีการกำหนดในแผนการจัดซื้อครุภัณฑ์ งบลงทุนเงินบำรุงของโรงพยาบาลศรีสะเกษ ในแต่ละปีงบประมาณ จึงจะสามารถใช้งบประมาณจัดซื้อได้ จากการตรวจสอบแผนการจัดซื้อครุภัณฑ์งบลงทุนเงินบำรุงของโรงพยาบาลศรีสะเกษ ในปีงบประมาณ 2565 และในปีงบประมาณ 2566 ในเบื้องต้นไม่มีการกำหนดแผนการจัดซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือซอฟแวร์ใหม่แต่อย่างใด
โดยในเรื่องนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงจาก กระทรวงสาธารณสุขและองค์กรภายนอก ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดศรีสะเกษ จะติดตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำการทุจริต จะดำเนินการต่อไป