จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา
จำนวนผู้เข้าชม: 266
วันที่ 5 มิถุนายน 2567
นายนพพร บุญโชติตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ติดตาม การแก้ไขปัญหา กรณีปรากฏในสื่อโซเซียล การข่มขู่ รีดทรัพย์รถยนต์โดยสารที่ผ่านพรมแดน ไทย - มาเลเซีย พบว่า
(1) สภาพพื้นที่ของด่านชายแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลากับรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย โดยปกติจะมีหน่วยงานด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นส่วนหน้า และด่านศุลกากรเป็นส่วนหลัง แต่สภาพพื้นที่ของด่านชายแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด่านศุลกากรเป็นส่วนหน้า และด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นส่วนหลัง ทำให้รถโดยสารมีการอ้างว่าจะต้องไปรับคนด้านใน ซึ่งเป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง และมีการจอดรถเพื่อรับผู้โดยสาร และเมื่อเกิดเหตุกรณีการข่มขู่ เรียกเงินของผู้ให้บริการรถโดยสารผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จึงติดภาพป้ายของด่านศุลกากรเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
(2) เมื่อเกิดเหตุการณ์ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.30 น. นางสาวประอรรัตน์ รัตนพรสมปอง นายด่านศุลกากรเบตง ได้เข้าร่วมหารือกับ นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง, นายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง, พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูดิง ผกก.สภ.เบตง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง, สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง, ตำรวจท่องเที่ยวเบตง และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 ร่วมกันแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบรถโดยสาร โดยมีการจัดตั้งจุดร่วมของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดย กองอาสารักษาดินแดน, กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3, สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง, สถานีตำรวจภูธรเบตง และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 445 เพื่อคัดกรองบุคคลและยานพาหนะ โดยอนุญาตเฉพาะผู้เดินทางเข้า - ออก ระหว่างประเทศและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น และทางด่านศุลกากรเบตง ได้นำเสนอปัญหาต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งมาตรวจราชการที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยมอบนโยบายให้มีการปรับปรุงก่อสร้างด่านพรมแดนเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยกำหนดแล้วเสร็จภายใน 2 ปี
(3) ในด้านคดีความ ผู้แทนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเบตง แจ้งว่าผู้เสียหายจำนวน 3 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์กับกลุ่มคนที่มาข่มขู่ เรียกรับเงิน โดยคดีที่ 1 เป็นเลขคดี 112/2567 ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีทรัพย์ประทุษร้าย จำนวน 20 ริงกิต สำนวนคดีได้สอบสวนเสร็จสิ้น มีสำนวนสั่งฟ้องส่งให้พนักงานอัยการจังหวัดเบตงแล้ว คดีที่ 2 เป็นเลขคดี 119/2567 ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีทรัพย์ประทุษร้าย จำนวน 20 ริงกิต สำนวนคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน ผู้ต้องหาฝากขังครั้งที่ 3 คดีที่ 3 เป็นเลขคดี 120/2567 ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีทรัพย์ประทุษร้าย จำนวน 300 บาท สำนวนคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน ผู้ต้องหาฝากขังครั้งที่ 3 ผลการสอบสวนทั้ง 3 คดี ผลปรากฎว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง