จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 258
ป.ป.ช. ย้ำ เอาจริงคนลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตอนุรักษ์ป่าชุมชน
ป.ป.ช.ร้อยเอ็ด ร่วมกับเครือข่ายชมรม STRONG-พิทักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพื้นที่ป่าชุมชนดงทำเลดอนใหญ่ ตำบลช้างเผือก อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จับกุมผู้ลักลอบตัดไม้พะยูง เผย พบกลุ่มก่อเหตุซ้ำ พร้อมเตือนประขาชนอย่าหลงเป็นเหยื่อกลุ่มนายทุน เพราะมีความผิดร้ายแรง ทั้งจำทั้งปรับ พบเป็นผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำ ด้านชาวบ้านสงสัยกระบวนการดำเนินคดี หวั่นเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น
นายอนุชา พึ่งบุญศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับเครือข่ายชมรม STRONG พิทักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ แห่งที่ 1 ป่าชุมชนดงทำเลดอนใหญ่ ตำบลช้างเผือก อำเภอสุวรรณภูมิ เฝ้าระวังพื้นที่ป่าชุมชนซึ่งมีเนื้อที่ป่าประมาณ 1,470 ไร่ มีไม้พะยูงในพื้นที่ป่าชุมชนกว่า 2,000 ต้น ซึ่งเป็นไม้ที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของกลุ่มนายทุน โดยชุมชนดงทำเลดอนใหญ่ได้รับรางวัลจากการเป็นพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 40,000 ตันต่อปี ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างชาวบ้านและชมรม STRONG พิทักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ แห่งที่ 1
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 เครือข่ายชมรม STRONGฯ ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตอนุรักษ์ของป่าชุมชน ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ปิดล้อมจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ จากนั้นจึงนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาเดียวกันกับในคดีเมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมา ที่ชาวบ้านได้นำเทคโนโลยี GPS ฝังไว้ที่ต้นไม้ เมื่อมีการลับลอบตัดไม้และเคลื่อนย้าย จึงสามารถตามพิกัด GPS ไปจนพบผู้ต้องสงสัยรายนี้และได้ทำการจับกุมได้ แต่ผ่านมาไม่นานก็กลับมาก่อเหตุซ้ำ ทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัยในกระบวนการดำเนินคดีดังกล่าว ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมรู้เห็นเป็นเหตุให้ ผู้ต้องหาถึงกล้าที่จะกลับมากระทำผิดซ้ำหรือไม่
ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด จึงลงพื้นที่สำรวจภายในป่าดงทำเลดอนใหญ่ เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและเก็บข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายตาม พระราชบัญญัติ ป่าชุมชน 2562 ซึ่งมีบทควบคุมและกำหนดโทษไว้ และจะติดตามการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำโทษตามกฎหมายสำหรับผู้กระทำผิด จะต้องได้รับโทษอย่างจริงจัง เนื่องจากผิดกฎหมายอาญามาตรา 63 ที่ห้ามมิให้ ยึดถือ ครอบครอง หรือ ถาง เผาป่า ขุดหาแร่ ล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าชุมชน เป็นต้น ผู้ที่ฝ่าฝืน จะต้องรับโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าเป็นการกระทำในบริเวณเพื่อการอนุรักษ์หรือกระทำแก่ไม้ทรงคุณค่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงาน ป.ป.ช. จึงขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชนว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มนายทุนในการทำลายทรัพยากรของประเทศ ตลอดจนฝากเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ว่าปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ช. มุ่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่น ป่าไม้ แม่น้ำ ลำรางสาธารณะ และหรือที่ดินของรัฐประเภทต่าง ๆ เป็นต้น โดยจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะการกระทำความผิดลักษณะนี้มักเป็นความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับนายทุน ซึ่งเมื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังจะส่งผลดีกับทั้งทรัพยากรของชาติและสถานการณ์การทุจริตจะลดลงอีกด้วย