จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 786
สำนักงาน ป.ป.ช.สนับสนุนงานวิจัย เรื่อง ศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ พบสาเหตุของการแสวงหาประโยชน์จากการอนุญาตของเจ้าหน้าที่รัฐมีอยู่ 4 ประการ ได้แก่ 1.ไม่มีหน่วยงานอิสระเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบกฎหมาย 2.ตัวเจ้าหน้าที่รัฐอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย 3. ศาลปกครองไทยไม่แสดงบทบาทในการเข้าไปตรวจสอบการใช้อำนาจ 4.กฎหมายที่มีโทษทางอาญา และโทษทางวินัยยังไม่ครอบคลุมทุกกรณี พร้อมเสนอแนะแนวทางลดการแสวงหาประโยชน์ พุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงตัวบทกฎหมายให้มีความเด็ดขาด ครอบคลุม
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า การอนุญาต หรือการใช้ดุลพินิจ ถือว่ายังคงเป็นกลไกประการหนึ่งที่รัฐยินยอมให้เอกชนดำเนินการได้ภายใต้การกำกับดูแล การควบคุมหรือการตรวจสอบ ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีบทบาทอย่างยิ่งในการอนุมัติ อนุญาต จึงเป็นต้นเหตุแห่งการอาศัยช่องโหว่เพื่อง่ายต่อการกระทำการทุจริตเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้สนับสนุนทุนการวิจับในประเด็นดังกล่าว เพื่อนำสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ไปวิเคราะห์ว่าจะมีปัจจัยใดบ้างที่จะสามารถช่วยลดการใช้ดุลพินิจ หรือการแสวงหาประโยชน์จากการอนุญาตของเจ้าหน้าที่รัฐได้
ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.คณพล จันทน์หอม และคณะผู้ทำการวิจัย ได้มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยจำแนกข้อเสนอแนะออกเป็น 3 มิติ ดังต่อไปนี้
1.มิติกฎหมายปกครอง เห็นสมควรให้มีการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการอนุญาตให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 77 พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 มาตรา 6 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. 2558 มาตรา 8 (5) โดยทบทวนว่าสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตอยู่หรือไม่ ถ้าหากยังจำเป็นอยู่ต้องกำหนดกรอบระยะเวลาและขั้นตอนให้ชัดเจน รวมทั้ง กำหนดกรอบการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 โดยให้มีหลักเกณฑ์ว่าในการทำคำสั่งทางปกครอง เจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งต้องมีอิสระในการใช้ดุลพินิจให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่ให้อำนาจนั้น รวมทั้งอยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมาย และให้งดเว้นไม่ต้องนำเอกสารหรือหลักฐานที่เกินความจำเป็นต่อการวินิจฉัยในการทำคำสั่งทางปกครองได้ พร้อมทั้งควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 โดยกำหนดว่าการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบมีขอบเขตอย่างไร ทั้งนี้เพื่อเป็นกรอบให้แก่ศาลในการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจที่มิชอบได้อย่างเหมาะสม และกำหนดให้ศาลปกครองเข้าไปตรวจสอบดุลพินิจในการวินิจฉัยองค์ประกอบทางกฎหมายได้อีกด้วย
2.มิติกฎหมายอาญาและวินัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ตลอดจนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ...... โดยกำหนดให้การให้สินบนเพื่อจูงใจเจ้าหน้าที่ให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ให้เป็นความผิดทุกกรณี นอกจากนี้ให้ขยายความขอบเขตของคำว่า "สินบน" ให้ ครอบคลุมไปถึงประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินและไม่เป็นทรัพย์สินด้วย อย่างไรก็ตามสมควรกำหนดเหตุลดโทษหรือยกเว้นโทษกรณีที่ผู้กระทำผิดแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ที่แสวงหาประโยชน์โดยการรับสินบน รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ให้ครอบคลุมไปถึงกรณีผู้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้ข้อมูลภายในหน่วยงานของภาครัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบหรือกระทำการทุจริตซึ่งมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาหรืออนุญาตด้วย และให้เพิ่มเติมบทบัญญัติลงในกฎหมายเฉพาะที่ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัยของหน่วยงาน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าจะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือไม่ กรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตที่ศาลปกครองเพิกถอน โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้นั้นได้ทำคำสั่งทางปกครองดังกล่าวโดยไม่สุจริต นอกจากนี้ ยังเห็นว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.... ให้หมายความทั้งประโยชน์ที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ และประโยชน์ที่ไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้
3.มิติเรื่องความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยในข้อนี้ได้คำแนะนำเช่นเดียวกับที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้กล่าวอยู่เสมอ โดยสนับสนุนให้นำการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนของการอนุญาต เพื่อลดการต้องพบเจอกันระหว่างเอกชน และเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นการเสนอแนะจากข้อมูลที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัยของคณะผู้วิจัย โดยในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. จะได้นำไปพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ เพื่อเสนอแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ตามอำนาจหน้าที่ เพื่อลดปัญหาการแสวงหาประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐจากการอนุมัติ อนุญาตต่อไป