จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 2274
ป.ป.ช. ศึกษาความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนการพิจารณาอนุญาตประกอบกิจการดูดทราย พร้อมเผย “ความต้องการให้กระบวนการดำเนินการมีความรวดเร็ว” เป็นส่วนหนึ่งของพฤติการณ์จ่ายเพื่ออำนวยความสะดวก หนึ่งในความเสี่ยงทุจริตในกระบวนการขออนุญาต
สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีการพิจารณากรณีศึกษาความเสี่ยงต่อการทุจริตในกระบวนประกอบกิจการดูดทราย สรุปปัญหาความเสี่ยงต่อการทุจริตได้ดังนี้
1.กระบวนการขออนุญาตที่ใช้ระยะเวลายาวนาน และมีหน่วยงานรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหลายหน่วย อาจทำให้เกิดการทุจริตขึ้นในกระบวนการออกใบอนุญาตได้ โดยผู้ประกอบการอาจจะมีการเสนอผลประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงอาจเป็นช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์เพื่อให้การทำงานเกิดความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน
2.ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พศ. 2546 ข้อ 26 ที่ระบุว่า "เมื่อได้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตแล้วจะประกอบกิจการต่อไปก็ได้ จนกว่าจะได้รับคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่อใบอนุญาตนั้น"ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรทรายที่สามารถดูดได้ตลอดระหว่างขั้นตอนนี้ หรือกระทบถึงค่าตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับจากการอนุญาตดูดทรายในระหว่างขออนุญาตต่อใบอนุญาต ซึ่งผู้ประกอบการอาจจะกล่าวอ้างว่ายังไม่มีใบอนุญาตดูดทรายเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน
3. การทำประชาคมในชุมชนหรือพื้นที่ ยังไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องดำเนินการ เพียงแต่เป็นความเห็นหรือดุลพินิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ที่จะนำผลการประชาคมมาประกอบการพิจารณาของสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการขออนุญาตดูดทราย ดังนั้น เมื่อสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชุมให้ความเห็นชอบโดยไม่มีการนำผลการทำประชาคมมาประกอบการพิจารณา จึงอาจเกิดความเสี่ยงที่จะมีการทุจริตหรือเรียกรับประโยชน์จากผู้ประกอบการเพื่อแลกกับมติความเห็นชอบให้ดูดทรายได้
4. การที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลประโยชน์บางประการจากผู้ประกอบการดูดทราย เช่น การใช้น้ำทางเกษตรกรรมจากบ่อทราย ค่าเช่าพื้นที่ ทรายหรือหินจากท่าทราย เป็นต้น ทำให้ผลการประชาคมมีความคลาดเคลื่อนหรือไม่เป็นไปตามความจริง เพราะประชาชนที่ได้รับประโยชน์มักจะเห็นด้วยและเป็นคนส่วนใหญ่ในชุมชน ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบนั้นเป็นเพียงคนส่วนน้อย การทำประชาคมจึงอาจจะไม่สะท้อนความเป็นจริงของบริบทพื้นที่
5.อำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถพิจารณากำหนดจำนวนค่าตอบแทนจากการอนุญาตให้ดูดทรายตามแนบท้ายประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ที่กำหนดค่าตอบแทนไว้ไม่เกิน 28 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในทางปฏิบัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดอัตราค่าตอบแทนเท่าใดก็ได้ แต่ไม่เกิน 28 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ค่าตอบแทนดังกล่าว อาจไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่มูลค่าทรายในท้องตลาดมักมีมูลค่าสูงกว่าค่าตอบแทนจำนวนมาก รวมถึงอาจเป็นการเอื้อประชน์ต่อผู้ประกอบการดูดทรายบางรายที่ไม่ต้องเสียค่าตอบแทนให้ภาครัฐตามมูลค่าจริงของทรัพยากรทราย
6.หลักเกณฑ์บางข้อไม่มีความชัดเจน อาทิ หลักเกณฑ์ด้านวิชาการ การเกิดความเสียหายแก่สภาพตลิ่ง ซึ่งการตรวจสอบพื้นที่ดูดทรายก่อนออกใบอนุญาตนั้น สภาพตลิ่งยังไม่เกิดความเสียหาย การพิจารณาออกใบอนุญาตครั้งแรกจึงยังไม่มีผลกระทบต่อสภาพตลิ่งหรือลำน้ำ เป็นต้น
7.การตรวจสอบ กำกับติดตาม และควบคุมผู้ประกอบการดูดทราย อาจจะสามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้ประกอบการได้ โดยมีผลการศึกษาพบว่า หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตามกฎหมายมีหลายหน่วยงาน ทำให้ขาดเอกภาพในการปฏิบัติงาน หากขาดการบริหารจัดการที่ดี ก็จะทำให้การตรวจสอบ กำกับติดตามและควบคุม ผู้ประกอบการดูดทรายด้อยประสิทธิภาพ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ทางออกของการแก้ปัญหาความเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน ป.ป.ช.จึงสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมวางกรอบการดำเนินงานที่จะสามารถลดความเสี่ยงทุจริตได้ อาทิ ให้กรมที่ดินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตประกอบกิจการดูดทราย เผยแพร่ข้อมูลการอนุญาตให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านทางเว็บไซต์ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กรมที่ดินร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กำหนดแนวทางในการรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชน เพื่อยึดถือให้เป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน และให้กระบวนการแก้ปัญหาเกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตอบโจทย์แผนการลดความเสี่ยงทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพ