จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 585
สำนักงาน ป.ป.ช. เผย พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 และ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ และอุดช่องโหว่ของการจ่ายเงินใต้โต๊ะ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่รัฐอย่าหวังประโยชน์ส่วนตนจนกระทำผิดขัดต่อหลักนิติธรรม เพราะกฎหมายและคนต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน จึงจะเอาชนะการทุจริตได้
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีกฎหมายหลายฉบับที่ใช้สำหรับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งนอกจากจะมีกฎหมายที่ว่าด้วยการวางบทลงโทษแล้ว ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการปฏิบัติราชการ อาทิ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีข้อกฎหมายที่วางหลักการไว้ว่า “บรรดาการใด ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาตต่อผู้อนุญาต ผู้ขออนุญาตจะเลือกยื่นคำขออนุญาตดังกล่าวรวมถึงนำส่งเอกสารหลักฐานหรือสำเนาเอกสารหลักฐานประกอบคำขออนุญาตต่อผู้อนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และให้ถือว่าการยื่นคำขออนุญาตนั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายนั้น ๆ แล้ว และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องจะปฏิเสธไม่รับการขออนุญาตนั้นเพียงเพราะเหตุที่ผู้ขออนุญาตได้ยื่นโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มิได้” อธิบายให้เห็นอย่างชัดเจน คือ การที่ประชาชนจะติดต่อกับทางราชการเพื่อขออนุมัติ ขออนุญาต ขอคืนภาษี เสียภาษี ขอใบรับรอง ขอขึ้นทะเบียนจดทะเบียน ขออนุญาตก่อสร้าง อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งเดิมตัวประชาชนจะต้องเดินทางไปพบกับทางราชการ ไปต่อคิว ไปยื่นเรื่อง ก็เปลี่ยนมาเป็นการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แทน ซึ่งในปัจจุบันภายหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ รวมถึงมีการขับเคลื่อนผ่านเครื่องมือหรือมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องแล้ว ประชาชนก็สามารถติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปพบปะกับหน่วยงานอีกต่อไป ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการติดต่อราชการ ประหยัดเวลา ไม่ต้องมีการเผชิญหน้าระหว่างข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ กับประชาชน และยังช่วยลดการติดต่อที่อาจก่อให้เกิดการเจรจาต่อรองเรียกเงินสินบนอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอุดช่องโหว่ของการจ่ายเงินใต้โต๊ะด้วย เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการกำหนดให้ส่วนราชการแต่ละแห่งจะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาในการปฏิบัติราชการว่าแต่ละงานจะใช้เวลากี่วัน ซึ่งจะแตกต่างจากในอดีตที่การยื่นเรื่องหรือยื่นคำร้องต่าง ๆ กับทางราชการจะใช้เวลาค่อนข้างมาก ไม่มีระยะเวลาแน่นอน เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการ หรือคนที่อยากจะทำอะไรให้ได้ผลเร็ว ก็จะต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพื่อแลกกับระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตที่รวดเร็วมากขึ้นหรือบางครั้งตัวเจ้าหน้าที่ที่กระทำทุจริตก็มีการดึงเรื่องให้ล่าช้าเสียเอง เพื่อต่อรองเรียกรับสินบน ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จึงช่วยให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ มีกรอบเวลาที่ชัดเจนในการให้บริการประชาชนมากขึ้น เพราะจะต้องมีคู่มือในการกำหนดว่าแต่ละเรื่องแต่ละภารกิจจะใช้เวลาในการปฏิบัติราชการกี่วัน หากยังไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่ประกาศไว้ ผู้ที่ไปติดต่อหรือรับบริการก็สามารถฟ้องร้องหรือร้องเรียนต่อการปฏิบัติงานของส่วนราชการแห่งนั้นได้ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกฎหมายที่ช่วยลดโอกาสการเกิดทุจริตให้ลดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม การมีกฎหมายที่เป็นบทบัญญัติไว้นับว่าเป็นเรื่องดี แต่การจะแก้ปัญหาการทุจริตให้หมดไปได้ดีที่สุด ต้องขึ้นอยู่กับ “คน” ซึ่งคือตัวเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า การเป็นข้าราชการที่ดีจะต้องทำหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง มิใช่อำนวยความสะดวกเพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง และหากพบเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์ทุจริต สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ทั่วประเทศ หรือผ่านทางช่องทางออนไลน์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1205