จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 1414
คณะผู้แทนไทยและสำนักงาน ป.ป.ช. เข้าร่วมประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ต่อต้านการทุจริต สมัยที่ 14
ป.ป.ช. สานต่อเจตนารมย์พัฒนาการด้านการต่อต้านการทุจริตของประเทศไทยสู่ระดับสากล เข้าร่วมประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติ ต่อต้านการทุจริต สมัยที่ 14
โดยคณะผู้แทนไทยประกอบด้วย นายชีวินท์ ณ ถลาง อุปทูตรักษาราชการ สถานเอกอัครราชทูต ประจำกรุงเวียนนา นายสุวิทย์ แสวงทอง รองอัยการสูงสุด และเจ้าหน้าที่สำนักกิจการและคดีทุจริตระหว่างประเทศ สำนักงาน ป.ป.ช. เข้าร่วมการประชุมต่อเนื่องของ การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต สมัยที่ 14 (Resumed 14th Session of the Implementation Review Group: IRG) ที่กรุงเวียนนา ประเทศสาธารณรัฐออสเตรีย
ในการประชุมในวันแรก (วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2566) อุปทูตรักษาราชการ สถานเอกอัครราชทูต ประจำกรุงเวียนนา ได้กล่าวแถลงการณ์รายงานเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการต่อต้านการทุจริตของประเทศไทยในฐานะรัฐผู้ถูกประเมิน ตามที่ได้รับข้อเสนอแนะจากฝ่ายเลขานุการ UNODC จากกลไกการประเมินการปฏิบัติตามอนุสัญญา UNCAC
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานกลางของประเทศไทย ได้แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนากฎหมาย มาตรการ และแนวปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการให้ความมือระหว่างประเทศ และการติดตามทรัพย์สินคืน ให้สอดคล้องกับพันธกรณีแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตในระดับนานาชาติฉบับแรก โดยมีพันธกรณีต่อรัฐภาคีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1.) พันธกรณีที่รัฐภาคีจะต้องปฏิบัติตาม 2.) พันธกรณีที่รัฐภาคีมีสิทธิเลือกที่จะกระทำหรือไม่ก็ได้ และ 3.) พันธกรณีที่รัฐภาคีจะต้องพิจารณา โดยแบ่งเนื้อหาหลักในอนุสัญญา UNCAC ได้ 5 หมวดหมู่ คือ หมวดการป้องกันการทุจริต หมวดการกำหนดความผิดทางอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย หมวดความร่วมมือระหว่างประเทศ หมวดการติดตามทรัพย์สินคืน และหมวดความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการแลกเปลี่ยนข้อมูล ปัจจุบัน มีรัฐภาคีรวม 187 ประเทศ (แบ่งเป็น ทวีปยุโรปตะวันตก 27 ประเทศ ยุโรปตะวันออก 23 ประเทศ ละตินอเมริกาและแคริบเบียน 29 ประเทศ แอฟริกา 53 และทวีปเอเชีย 55 ประเทศ โดยจะมีตัวแทนจากสหภาพยุโรปเข้าร่วมประชุมด้วยทุกสมัย) สำหรับประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UNCAC ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2554 ตามลำดับ
การประชุมระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญา UNCAC มีการประชุมเป็นระยะเพื่อเสริมสร้างศักยภาพประเทศสมาชิกและความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งประกอบด้วย
กลไกการทบทวนการปฏิบัติตามอนุสัญญา UNCAC ได้มีกลไกทบทวน (Review Mechanism) เพื่อประเมินผลการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ของรัฐภาคี โดยมีการทบทวนในลักษณะจัดสรรรัฐผู้ประเมินและผู้ถูกประเมินโดยการจับสลาก และมีสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime – UNODC) เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะผู้ประเมิน โดยมีผู้เชี่ยวชาญของรัฐที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ประเมินดำเนินการประเมินในนามของประเทศตน การประเมินแต่ละวงจะมีระยะเวลาในการประเมิน 6 ปี โดย 2 ครั้งที่ผ่านมา เป็นการประเมินผลการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ รอบแรก ระหว่างปี 2553 – 2558 กำหนดให้เป็นความผิดทางอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย (Criminalization and Law Enforcement) และความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation) ส่วนรอบที่ 2 ระหว่างปี 2559 – 2564 ประเมินผลการปฏิบัติ เรื่องมาตรการป้องกัน (Preventive Measures) และการติดตามทรัพย์สินคืน (Asset Recovery)