จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 4964
การคุ้มครองพยานเป็นภารกิจที่สําคัญ ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมของไทยดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะด้วยคดีการทุจริตมีลักษณะเป็นอาชญากรรมซ่อนเร้น ซึ่งแตกต่างจากคดีอาญาทั่วไปที่จะมีผู้เสียหายจากการกระทําผิดมาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานเพื่อให้มีการดําเนินคดีและลงโทษผู้กระทําผิด แต่การทุจริตคอร์รัปชันมักเป็นเรื่องที่รู้เห็นกันเฉพาะผู้ให้และผู้รับ เป็นการยากที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนําเรื่องดังกล่าวออกเปิดเผยหรือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงาน เพราะจะทําให้ตนเองได้รับความเดือดร้อนเสียหายไปด้วย โดยเฉพาะพยานบุคคลเมื่อมีความสําคัญในคดีมากเท่าไร ก็มีโอกาสถูกข่มขู่คุกคาม หรือประทุษร้ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้กระทําผิดต้องการขจัดผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่อาจพิสูจน์ความผิดของผู้กระทําความผิดนั้นได้หรือไม่ก็ทําให้พยานเกิดความเกรงกลัวจนกลับคําให้การของตน
ใครบ้างมีสิทธิขอคุ้มครองพยาน
ขั้นตอนการร้องขอคุ้มครองพยาน
1.1 ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานด้วยตนเองต่อสำนักงานตามแบบที่สำนักงานกำหนด
1.2 ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองช่วยเหลือพยานและให้หน่วยงานดังกล่าวประสานการปฏิบัติงานเพื่อคุ้มครองช่วยเหลือพยานกับสำนักงาน
เมื่อสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับคำร้อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการเพื่อให้มีการคุ้มครองช่วยเหลือพยานโดยเร็ว ดังนี้
1) จัดพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครอง ณ ที่พักอาศัยหรือสถานที่ที่พยานร้องขอ
2) จัดให้พยานอยู่หรือพักอาศัยในสถานที่ที่สำนักงานกำหนด
3) จัดให้มีมาตรการปกปิดมิให้มีการเปิดเผยชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ ภาพ หรือข้อมูลอย่างอื่นที่สามารถระบุตัวพยานได้
4) จัดให้มีการติดต่อ สอบถามความเป็นอยู่หรือตรวจสถานที่ที่อยู่หรือพักอาศัยอย่างสม่ำเสมอ
5) แจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หรือหน่วยงานอื่น ดำเนินการให้การคุ้มครองความปลอดภัย
6) ดำเนินการด้วยวิธีการอื่นตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
1) พยานถึงแก่ความตาย
2) พยานร้องขอให้ยุติการคุ้มครองช่วยเหลือหรือขอเพิกถอนความยินยอม
3) พยานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ หรือเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควร
4) พฤติการณ์แห่งความไม่ปลอดภัยของพยานเปลี่ยนแปลงไป และกรณีไม่มีความจำเป็นจะต้องให้ความคุ้มครองอีกต่อไป
5) พยานไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือไม่มาให้ถ้อยคำเป็นพยานโดยไม่มีเหตุสมควร หรือไม่ไปเบิกความหรือไปเบิกความแต่ไม่เป็นไปตามที่ให้การหรือให้ถ้อยคำไว้ หรือไปเบิกความเป็นพยานแต่ไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาหรือเป็นปฏิปักษ์
6) เมื่อสำนักงาน ป.ป.ช. หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ได้รับแจ้งจากหน่วยงานอื่นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. สั่งให้ดำเนินการคุ้มครองช่วยเหลือพยานว่า การคุ้มครองช่วยเหลือพยานสิ้นสุดลง เนื่องจากปรากฏเหตุตามข้อ 1) – 4)
7) คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้การคุ้มครองช่วยเหลือพยานสิ้นสุดลง
เพิ่มข้อมูลการติดต่อ สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด