จากไชต์: สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตราด
จำนวนผู้เข้าชม: 20
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญ
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตราด แถลงเรื่องคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญ กรณี ยักยอกเงินค่าน้ำประปาขององค์การบริหารส่วนตำบล ท. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2560 และละเว้นไม่ตรวจสอบการนำส่งเงินค่าน้ำประปาดังกล่าว ดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นดำเนินการไต่สวนเบื้องต้น กรณีกล่าวหานางสาว ร. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ (พนักงานจ้างตามภารกิจ) องค์การบริหารส่วนตำบล ท. อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิด
นางสาว ร. ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ (พนักงานจ้างตามภารกิจ) ในกิจการประปา กองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบล ท. มีหน้าที่จัดเก็บหรือรับชำระเงินค่าน้ำประปา จากพนักงานเก็บค่าน้ำประปาหรือผู้ใช้น้ำ และนำเงินที่ได้รับพร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงินส่งให้แก่กองคลัง องค์การบริหารส่วนตำบล ท. เพื่อนำเงินฝากธนาคารเมื่อสิ้นเวลารับเงิน แต่ระหว่างเดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนกันยายน 2560 ผู้ถูกกล่าวหาใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกระทำการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ โดยมิชอบด้วยระเบียบฯ และโดยทุจริต ด้วยการไม่นำส่งเงินค่าน้ำประปาที่ได้รับพร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าน้ำประปาให้แก่กองคลัง องค์การบริหารส่วนตำบล ท. โดยได้เก็บเงินสดไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 583,639 บาท (ห้าแสนแปดหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเก้าบาทถ้วน) และได้นำเล่มสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าน้ำประปาที่มิได้มีการนำส่งเงินไปเก็บรวมไว้กับเล่มสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าน้ำประปาที่มีการนำส่งเงินให้แก่กองคลังแล้ว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
การกระทำของนางสาว ร. ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือเงื่อนไขที่กำหนดให้ปฏิบัติ จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตราด เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 49 (1) และ (2)
สำหรับความผิดทางวินัยรายนางสาว ร. ผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบล ท.
ได้มีคำสั่งที่ 329/2562 ลงวันที่ 27 กันยายน 2562 ลงโทษไล่นางสาว ร. ผู้ถูกกล่าวหา ออกจากราชการ ในการกระทำความผิดนี้เหมาะสมแก่ความผิดแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) และมาตรา 98 อีก
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนางสาว ร. ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ต่อไป
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
........................................................................
|
การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด |