Contrast
Font
1889703d2c6fb3d72f3493dc47b061de.jpg

ป.ป.ช.ภาค 9 ลุยตรวจ อควาเรียมหอยสังข์ งบ 1,400 ล้าน สร้าง 14 ปี ถูกทิ้งร้าง

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 741

01/11/2566

ป.ป.ช.ภาค 9 ลุยตรวจ อควาเรียมหอยสังข์ งบ 1,400 ล้าน สร้าง 14 ปี ถูกทิ้งร้าง

ป.ป.ช..ภาค 9 ลงพื้นที่ตรวจสอบ โครงการ “อควาเรียมหอยสังข์ งบ 1,400 ล้านบาท” สร้างนาน 14 ปี แต่กลับถูกทิ้งร้าง หลังแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องมีเอี่ยวกับการทุจริตแล้วถึง 27 คน พบมีการแก้ไขสเปคงานก่อสร้างร่วม 102 รายการ ทำให้เปิดใช้งานไม่ได้ กลายเป็นประติมากรรมทุจริต

นายเกียรติศักดิ์  พุฒพันธุ์ รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 นายราม วสุธรภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ กั่วพานิช ผู้อำนวยการวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ลงพื้นที่ตรวจ โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ที่ประชาชนในพื้นที่ทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ “อควาเรียมหอยสังข์” ซึ่งก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ภายใน วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ใช้งบก่อสร้างเริ่มแรกกว่า 838 ล้านบาท และมีการเพิ่มงบประมาณ เพื่อก่อสร้างอาคารอนุบาลสัตว์น้ำและพื้นที่โดยรอบเป็นเงินเพิ่มอีกกว่า 381 ล้าน และของบประมาณเพิ่มเพื่อสร้างให้แล้วเสร็จอีก 286 ล้าน รวมเป็นงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 1500 ล้านบาท โดยลงนามว่าจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้าง สุดท้ายกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างใช้ประโยชน์ไม่ได้มากว่า 15 ปี

          นายเกียรติศักดิ์ พุฒพันธุ์ รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สำรวจภายในอาคาร “อควาเรียมหอยสังข์” กันอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เป็นขั้นตอนระหว่างการติดตามสอบสวนของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งสิ้น 27 ราย และกำลังอยู่ระหว่างการทำคำชี้แจงในข้อหา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ก็จะสรุปสำนวนได้

          รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวว่า สำหรับคดีการทุจริตการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เริ่มต้นกระบวนการตั้งแต่การออกแบบ มากระทั่งการปรับแก้ไขแบบ ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ มีประเด็นว่าอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างหรือไม่ เนื่องจากมีการตัดทอนแบบรายการของงานมากกว่า 102 รายการ จนไม่เหลือความเป็นพิพิธภัณฑ์หรือไม่ โดยทางสำนักงาน ป.ป.ช. ต้องรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดด้านการประเมินมูลค่าสิ่งก่อสร้างจากโครงการทั้งหมด ซึ่งจะพูดถึงแค่มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด แต่ในแง่การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงหรือแก้ไขใด ๆ ก็ตาม กระทั่งเบิกจ่ายกันไปครบแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ นี่คือมูลค่าความเสียหายที่จะต้องนำไปประเมินกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันในมุมมองของประชาชนชาวสงขลา ที่ต้องเห็นสถานที่จากโครงการก่อสร้างแห่งนี้จากวัตถุประสงค์เดิมที่ต้องการให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของจังหวัด กลับต้องถูกปล่อยทิ้งร้างให้กลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งการทุจริตขนาดใหญ่นั้น ยิ่งจะเป็นการบ้านภาครัฐและฝ่ายบริหาร ต้องเร่งหาทางออกหรือช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ “อควาเรียมหอยสังข์” ได้กลับใช้ประโยชน์ได้ แม้กระทั่งถนนที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ยังไม่มีการดำเนินการก่อสร้าง ยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นเจตนาของหน่วยงานเจ้าของโครงการและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เพราะหากต้องการเปิดใช้จริง จะต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างถนนสายที่จะมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้ ไม่ต้องปล่อยให้ทิ้งร้างมานานถึง 14 ปีแบบนี้

          สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยการวางแผนสำรวจเพื่อจัดตั้ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว จากนั้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2546-2448 เข้าสู่กระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในปีถัดมา (พ.ศ. 2549) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ได้นำผลจากโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ทะเลสาบสงขลา มาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเสนอชื่อเป็น “โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” เพื่อใช้ประโยชน์เพิ่มเติมด้านการศึกษา ค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล พร้อมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการ โดยใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 ก่อนที่จะได้รับจัดสรรงบประมาณ เป็นวงเงิน 838,562 บาท รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ “ศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” และลงนามว่าจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้าง

          แต่ประเด็นจุดเริ่มต้นปัญหาที่ทำให้โครงการต้องสะดุด มาเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2551 หลังจากเริ่มงานก่อสร้างได้ไม่นาน เกิดข้อถกเถียงด้านงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ทำให้โครงการต้องหยุดชะงักการก่อสร้างลงชั่วคราว โดยในปี พ.ศ. 2552 กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงปัญหาการก่อสร้าง โดยได้รับการชี้แจงว่า เกิดจากปัญหาข้อโต้แย้งในสัญญา

          จากนั้นเข้าสู่ช่วงปี พ.ศ. 2558-2560 กลับมีการขอเพิ่มงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารอนุบาลสัตว์น้ำ และพื้นที่โดยรอบ วงเงิน 381,525,000 บาท และในปี พ.ศ. 2561 ได้ของบประมาณเพิ่มเพื่อก่อสร้างให้แล้วเสร็จอีก 286,259,000 บาท กระทั่งปัจจุบัน ถึงปี พ.ศ. 2566 มีการใช้งบประมาณในการก่อสร้างไปแล้วกว่า 1,400,000,000 บาท แต่โครงการก็ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และต้องปล่อยทิ้งให้กลายสภาพเป็นอนุสรณ์สถานตามที่ตกเป็นข่าว

          อย่างไรก็ตาม รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการพิสูจน์ความผิดนั้น ป.ป.ช. ได้แบ่งออกเป็นหลายช่วงเวลา ทำให้มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ถูกไต่สวนถึง 4 คนจาก 27 คน ที่ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาไป ประกอบไปด้วยบุคคลที่อนุมัติ ผู้ที่ลงนามในสัญญา และผู้ที่ขอแก้ไขสัญญา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ธุรการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีความผิดทางคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ทั้งนี้จะต้องดูจากความเสียหายที่ได้รับการประเมินเป็นตัวเลขแล้วอีกครั้งหนึ่ง แต่ในส่วนของวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ เป็นเพียงเจ้าของสถานที่เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณการก่อสร้างโครงการดังล่าว จากนี้คณะกรรมการบริหารของวิทยาลัยฯ ก็คงต้องร่วมหารือกันอีกครั้งว่า จะปรับเปลี่ยนโครงการก่อสร้างอควาเรียมดังกล่าว ให้ดำเนินการต่อหรือเปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างอื่นได้ ซึ่งขั้นตอนคือจะต้องมีการหารือในคณะรัฐมนตรี เนื่องจากแต่เดิมงบประมาณครั้งแรกมาจากสำนักงบประมาณ หากมีการเดินหน้าต่อตามวัตถุประสงค์เดิม ก็อาจจะใช้งบประมาณที่สูงและต้องมีเจ้าภาพในการจัดการและบูรณาการร่วมกันเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไป

Related