Contrast
Font
17cc24bdec7b2c3e51e9bd011f950d52.jpg

เกร็ดความรู้...สู้ทุจริต‼️ เรื่อง "เบียดบังเงินหลวง"

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 334

10/04/2566

“เงินหลวง” หรือ “งบประมาณแผ่นดิน” คือเงินที่ได้มาจากภาษีของประชาชน

การบริหารประเทศเป้าหมายสำคัญ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข โดยใช้งบประมาณแผ่นดินที่ได้จากภาษีซึ่งเก็บมาจากประชาชนใช้ในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์ของชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ โดยการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจึงมีระเบียบกฎหมายกำกับควบคุมอย่างรัดกุม เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และช่วยให้การพัฒนาประเทศบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งนอกเหนือจากระเบียบกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจะต้องมีสำนึกที่ดีมุ่งประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก

แต่ในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจะพบว่า ยังคงมีปัญหาที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนใช้โอกาสจากตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้องอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้งบประมาณแผ่นดิน ไม่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สูญเสียโอกาสการพัฒนาประเทศในการแข่งขันกับนานาประเทศอย่างน่าเสียดาย

สำนึกที่สำคัญประการหนึ่งของการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐคือการที่ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าประโยชน์ส่วนรวมต้องมาก่อนประโยชน์ส่วนตนเสมอ ซึ่งนอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติแล้ว ยังเป็นเกราะป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ปลอดจากความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญาได้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในการคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมให้ชัดเจน
------
"กรณีเบียดบังเงินอาหารกลางวันของโรงเรียนไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว"

ขณะจำเลยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน บ. ได้รับคำสั่งให้เป็นคณะกรรมการเบิกถอนเงิน
เพื่อนำมาจ่ายค่าอาหารกลางวันของโรงเรียน และนำมาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง แต่อาศัยตำแหน่งหน้าที่เบียดบังเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนไปเป็นของตนโดยทุจริต รวมจำนวน 904,060.18 บาท เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรม จริยธรรมและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่ข้าราชการทั่วไป จึงไม่รอการลงโทษ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ลงโทษจำคุก 50 ปี และให้คืนเงินที่ได้เบียดบังไปให้แก่โรงเรียน บ.

*คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 คดีหมายเลขดำที่ อท 135/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อท 1/2564 
------
"กรณีเบียดบังเงินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียนนักศึกษา"

ขณะจำเลยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ก. มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุม กำกับดูแลบุคลากรทางการศึกษา การเงิน พัสดุ สถานที่และทรัพย์สินอื่นๆ ของโรงเรียนให้เป็นไปตามระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ โรงเรียน ก ได้รับเงินตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน ให้มีรายได้ระหว่างเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 321,000 บาท จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และได้มีการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 40,000 บาท โดยเป็นค่าทำงานให้แก่นักเรียน จำนวน 37,850 บาท และเป็นค่าซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด จำนวน 2,150 บาท คงเหลือเงินอยู่ในความครอบครองของจำเลย จำนวน 281,000 บาท จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำคุก 5 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 281,000 บาท ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

*คำพิพากษาอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีหมายเลขดำที่ อท 483/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 4445/2564

จากกรณีศึกษาดังกล่าว แสดงให้เห็นพฤติการณ์ของเจ้าหน้ารัฐที่ไม่สามารถแยกแยะประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมได้ จึงได้กระทำการเบียดบังเงินของหลวงไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ส่งผลให้ราชการเสียหาย จึงฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ให้เจ้าหน้าที่รัฐ พึงระมัดระวังในการใช้ตำแหน่งหน้าที่ ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จุดจบของผู้เบียดบังเงินหลวงต้องถูกลงโทษ...จำคุก ! 

Related