จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 685
ผลประโยชน์อันท่วมท้น...ในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ
การบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานภาครัฐ ต้องเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการบริหารงานบุคคลที่หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจะต้องมีการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง และการพิจารณาความดีความชอบ จะต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ แต่ยังมีหลายคดีที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อแลกกับการใช้อำนาจทางการบริหารงานบุคคลในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้หนึ่งผู้ใด
ตัวอย่างกรณีศึกษา
ในการควบคุมการสอบและตรวจให้คะแนนก็ต้องรับโทษ
จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีตำบล ห. มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย และยังมีอำนาจออกคำสั่งเกี่ยวกับการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานเทศบาลหรือการอื่นใดที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล
ในวันเกิดเหตุจำเลยเรียกเงินและรับเงินจำนวน 330,000 บาท จากนาง ป. เพื่อช่วยเหลือให้นาย น. บุตรนาง ป. เข้าทำงานเป็นพนักงานเทศบาลตำบล ห. โดยที่ก่อนบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าทำงานในเทศบาลตำบล ห. จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกจากคณะกรรมการสอบแข่งขัน
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ก่อนบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าทำงานในเทศบาลฯ จำเลยจะมิได้เกี่ยวข้องหรือมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการสอบ การตรวจข้อสอบและการให้คะแนนก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมีอำนาจออกคำสั่งเกี่ยวกับการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานเทศบาลหรือการอื่นใดที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาลฯ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 23 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 15 การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานเทศบาล ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกเงินและรับเงินจำนวน 330,000 บาท จากนาง ป. เพื่อช่วยเหลือให้นาย น. เข้าทำงานเป็นพนักงานเทศบาลตำบล ห. จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ออกคำสั่งเกี่ยวกับการบรรจุและแต่งตั้งพนักงานเทศบาลตำบล ห. เรียกและรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบแล้วกระทำการในตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือนาย น. ให้เข้าทำงานเป็นพนักงานเทศบาลตำบล ห. อันเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่
พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
** คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13650/2558
----------------------------------
ผลประโยชน์อันท่วมท้น...ในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ
การบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานภาครัฐ ต้องเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการบริหารงานบุคคลที่หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจะต้องมีการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง และการพิจารณาความดีความชอบ จะต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ แต่ยังมีหลายคดีที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อแลกกับการใช้อำนาจทางการบริหารงานบุคคลในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้หนึ่งผู้ใด
ตัวอย่างกรณีศึกษา
จำเลยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท กระทรวงมหาดไทย
มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับอัตรากำลังทั้งหมดของสำนักงานในเรื่องการบรรจุแต่งตั้ง การเก็บทะเบียนประวัติและเรื่องวินัย รวมทั้งการจัดทำข้อมูลข้าราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารงานบุคคลพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย และเลื่อนระดับข้าราชการทั้งหมด
โดยวันที่ 18 มีนาคม 2540 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ นาย ป. ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น นำเงินจำนวน 3,000,000 บาท ไปให้จำเลยที่ห้องทำงานของจำเลย เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่จำเลยจะช่วยเหลือไม่ให้นาย ป. ที่ประจำอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่นถูกโยกย้ายออกจากจังหวัดขอนแก่นไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในจังหวัดอื่น
ต่อมาจำเลยให้การต่อสู้คดีว่า หากนาย ป. ได้มีการจ่ายเงินให้จำเลยจริง เหตุใดวันที่ 22 เมษายน 2540 นาย ป. จึงถูกย้ายไปอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทสกลนคร ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีการตอบแทนนาย ป. โดยช่วยเหลือไม่ให้ต้องถูกย้ายออกจากจังหวัดขอนแก่น
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ภายหลังจำเลยจะได้กระทำอย่างใดในตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือนาย ป. หรือไม่ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานของรัฐได้รับเงิน 3,000,000 บาท จากนาย ป. ในตำแหน่งโดยมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือให้นาย ป. ไม่ต้องถูกย้ายออกจากจังหวัดขอนแก่น
การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 แล้ว ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่ขณะที่จำเลยรับเงินดังกล่าวแล้ว กระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง
พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษจำคุก 6 ปี
**คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2561