Contrast
Font
e2c02bcd186eb80685daba0c6553b57c.jpg

เกร็ดความรู้...สู้ทุจริต‼️ เรื่อง "กรณีศึกษาการทุจริต" ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 2,4 สิงหาคม 2566

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 380

09/08/2566

"เรียกรับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีให้ได้รับโทษหนักขึ้นหากไม่ยินยอมตามที่เรียกร้อง"

ผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และสิ่งผิดกฎหมายอื่น จึงถูกแจ้งข้อหารวม 5 ข้อหา ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหา โดยเห็นควรสั่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัด โดยนาย ฉ. อัยการจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบในสำนวนคดีนี้ ได้ทำการติดต่อเรียกรับเงินจากญาติของผู้ต้องหาอ้างว่าเพื่อจะช่วยเหลือหรือกลั่นแกล้งในทางคดีแก่ผู้ต้องหาหลายครั้งทั้งทางโทรศัพท์และไปพบด้วยตนเอง ในส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา นาย ฉ. ได้ใช้หนังสือให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม และเป็นการสั่งการในห้วงเวลาเดียวกันกับที่ได้ติดต่อกับฝ่ายผู้ต้องหาและญาติ โดยใช้หนังสือสั่งให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมมาข่มขู่ให้เกิดความกลัว

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

การกระทำของนาย ฉ. ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม ฐานกระทำการอันทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๔๔ , ๔๗ และมาตรา ๖๐ (๑), (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๔๙ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ ข้อ ๗ และมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ มาตรา ๒๐๑
----------

"เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย"

เมื่อปี 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวนาง B และสามี ซึ่งลักลอบเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้มอบตัวให้กับสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าวไปดำเนินคดีกลับนำตัวนาง B และสามีขึ้นรถยนต์ไปที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยพาไปยังห้องทำงานของนาย ก. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในการนี้ นาย ก. กับพวกและเจ้าหนี้การพนันของนาง B ได้ร่วมกันเจรจาต่อรองให้นาง B ชำระหนี้สินการพนันให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับสามีของนาง B ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับกรณีมีพฤติการณ์หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นเหตุให้นาง B ตกลงยินยอมชดใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ รวมทั้งจัดทำหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้แก่เจ้าหนี้การพนันไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวสามีของนาง B ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว โดยไม่ได้ให้ดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันแต่ให้ส่งตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตามหมายจับ

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

การกระทำของนาย ก. กับพวก มีมูลความผิดทางวินัย ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 78(1) ประกอบมาตรา 79(6) และมาตรา 79(1)(5) และมีมูลความผิดทางอาญา ตามกฎหมายอาญามาตรา 149 และ 157
----------

"เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือในการสอบเข้ารับราชการ"

องค์การบริหารส่วนตำบล โดยนาย ก. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขันพนักงานส่วนตำบล 12 ตำแหน่ง และได้ขอรับการสนับสนุนบุคลากรจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการในจังหวัดเพื่อทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการดำเนินการสอบ ตรวจข้อสอบ ซึ่งนาย ก. ได้เปิดห้องพักโรงแรมจำนวน 2 ห้อง เพื่อใช้เป็นที่พักหรือสถานที่รับแขก เพื่อติดต่อการเรียกรับสินบนในการช่วยเหลือให้ผู้สมัครสอบแข่งขันสอบข้อเขียนผ่าน และเป็นสถานที่สำหรับแก้ไขกระดาษคำตอบ โดยร่วมมือกับกรรมการดำเนินการสอบและเจ้าหน้าที่ตรวจข้อสอบบางรายลักลอบนำกระดาษคำตอบออกมาแก้ไข

ต่อมาจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีการทุจริตเรียกรับเงิน และจากการรายงานพบว่ามีการแก้ไขกระดาษคำตอบเฉพาะผู้ที่สอบผ่านข้อเขียนและมีร่องรอยการแก้ไขกระดาษคำตอบจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการไปยังนายอำเภอในฐานะผู้กำกับดูแลแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลยกเลิกการขึ้นบัญชีการสอบแข่งขันได้พร้อมกับให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน แต่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลมิได้ดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

การกระทำของนาย ก. และคณะกรรมการดำเนินการสอบ ตรวจข้อสอบ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและหรือเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 161, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แล้วแต่กรณี

Related