Contrast
Font
cd4eaae6fe9f1cb63ae5d662f0016405.png

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายนิวิทย์ หรือปภินวิช อรุณรัตน์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายไพฑูรย์ เลิศไกร อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตกับพวก ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลาและเป็นพื้นที่เขา ที่ภูเขา ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

จากไชต์: สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ
จำนวนผู้เข้าชม: 40

25/12/2568

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายนิวิทย์ หรือปภินวิช อรุณรัตน์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายไพฑูรย์ เลิศไกร อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวก ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา และเป็นพื้นที่เขา ที่ภูเขา ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

     วันนี้ (25 ธันวาคม 2568) นายสุรพงษ์  อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายนิวิทย์ หรือปภินวิช  อรุณรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  และนายไพฑูรย์ เลิศไกร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวก ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่รวม 13 – 3 - 2.3 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา และเป็นพื้นที่เขา ที่ภูเขา ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

    ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 นางสาวจันจิรา  วีระกิจ
ได้ยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะรายต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยใช้หลักฐานแบบแจ้งการครอบครอง ส.ค.1 เลขที่ 215 หมู่ที่ 2 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 15 – 2 - 25 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 401 (พ.ศ. 2512) มีชื่อนางบวน  กลิ่นชิตร เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 ระบุการทำประโยชน์เป็นที่สวน โดยนางสาวจันจิรา  วีระกิจ ได้สิทธิการครอบครองที่ดินดังกล่าวมาจากการซื้อต่อจากบุคคลอื่น
    ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ข้างเคียงที่ระบุในการซื้อขายที่ดินแต่ละครั้งเปลี่ยนแปลงไปไม่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน ในระหว่างการรังวัดออกโฉนดที่ดิน ภายหลังจากที่นายบุญชัย  สันทัดอนุวัตร นายช่างรังวัดชำนาญงาน ได้ทำการรังวัดปักหลักเขตที่ดินที่ขอออกโฉนดดังกล่าว โดยมีนางสาวจันจิรา  วีระกิจ เป็นผู้นำ  การรังวัด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 และนายจตุพงศ์  แก้วใส ปลัดอำเภอกะทู้ ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกผู้ปกครองท้องที่ออกโฉนดแทนนายอำเภอกะทู้ โดยระบุข้อเท็จจริงในใบไต่สวนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสวนทุเรียน ไม่เป็นที่หลวงหวงห้ามหรือที่สาธารณประโยชน์ มีการทำประโยชน์ตามสภาพท้องถิ่นแล้ว ต่อมาในวันที่ 14 มิถุนายน 2553 นางสาวจันจิรา  วีระกิจ ได้ขายที่ดินตาม ส.ค.1 ดังกล่าว ให้กับนายสนิท วรกิจและนางสาวสุนิสรา  วัฒนเสน และบุคคลทั้งสองได้เข้าสวมสิทธิในการขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน โดยมอบอำนาจให้ นายนิวิทย์  อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการแทน

    ต่อมานายบุญชัย  สันทัดอนุวัตร ได้จัดทำรายงานการรังวัดลงวันที่ 1 กันยายน 2553 ระบุว่าที่ดินมีลำรางสาธารณประโยชน์ตัดผ่าน จึงรังวัดออกเป็น 2 แปลง และเชื่อว่าที่ดินที่ขอรังวัดตรงตามตำแหน่งเดิม แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา จึงเสนอนายชลสินธุ์  นาคเกิด หัวหน้าฝ่ายรังวัด ผ่านนายปกรณ์  ทองตัน หัวหน้างานรังวัด และนายไพฑูรย์  เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) เพื่อตรวจสอบว่าผู้ขอได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายมาก่อนวันที่ทางราชการกำหนดให้ที่ดินนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินได้จัดทำรายงานฉบับลงวันที่ 21 กันยายน 2553 เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา สภาพที่ดินเป็นเขา ทำประโยชน์เป็นสวนผลไม้พื้นเมือง ไม่ขัดข้องที่จะออกโฉนดที่ดินหาก ส.ค. 1 ตรงกับพื้นที่ที่ขอออกโฉนด ซึ่งต่อมานายอนุพงศ์  เอียดดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน นายยศกฤต  ชูศรี หัวหน้างานฝ่ายทะเบียน และนายสมชายไชยศรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ได้เสนอความเห็นต่อนายไพฑูรย์  เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เชื่อว่าที่ดินที่ขอรังวัดตรงกับตำแหน่งตาม ส.ค. 1 ที่นำมาขอออกโฉนด และผู้ขอได้ครอบครองทำประโยชน์เป็นสวนผลไม้เต็มทั้งแปลง เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอตามผลการรังวัด จากนั้นนายไพฑูรย์  เลิศไกร ได้จัดทำบันทึก เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าระยะแนวเขต และข้างเคียงที่ดินทุกด้านไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับหลักฐานเดิม และไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบสภาพที่ดินและการครอบครองทำประโยชน์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดเป็นที่ดินตรงตามหลักฐานที่ผู้ขอนำมาแสดง ตามมาตรา 56/1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กับทั้งไม่มีการตรวจสอบกับระวางรูปถ่ายทางอากาศก่อนเสนอให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอ จนกระทั่งนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เห็นชอบให้ออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 เนื้อที่ 10 – 2 - 34.3 ไร่ และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 เนื้อที่ 3 – 0 - 68 ไร่ ให้กับนายสนิท วรกิจ และนางสาวสุนิสรา วัฒนเสน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 และในวันที่ 5 สิงหาคม 2554 บุคคลทั้งสองได้ขายที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ให้กับนายนิวิทย์  อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งต่อมาความปรากฏจากผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของกรมป่าไม้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2510, 2519, 2538, 2542, 2545, 2552 และ 2554 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้นและป่าดิบชื้นทุติยภูมิ ไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดินและผลการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดินพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความลาดชันเกิน 35 % และอยู่ในเขตที่เขา ที่ภูเขา ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินตามกฎหมาย

   คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

  1. การกระทำของนายนิวิทย์ หรือปภินวิช อรุณรัตน์ นายไพฑูรย์ เลิศไกร นายบุญชัย   สันทัดอนุวัตร นายปกรณ์  ทองตัน นายชลสินธุ์  นาคเกิด นายจตุพงศ์  แก้วใส นายอนุพงศ์  เอียดดี นายยศกฤต ชูศรี นายสมชาย ไชยศรี และคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน ประกอบด้วย นายราเชนทร์  สงแดง นายปรีชา  ช่วยชู นายพฤฒพงศ์ หรือจิรายุ เพชรรัตน์ และนายจรูญ  ลิ่มสกุล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
  2. การกระทำของนางสาวจันจิรา วีระกิจ  นายสนิท วรกิจ และนางสาวสุนิสรา วัฒนเสน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด

       ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย
ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวน  การไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี และให้ขอให้อัยการสูงสุดมีคำร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง

     ทั้งนี้ ให้แจ้งกรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่ออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

     จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

             ** การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด

         ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด **

Related